RSV คือไวรัสชนิดมีเปลือกหุ้ม ชื่อเต็มว่า Respiratory Syncytial Virus มีสองสายพันธุ์ คือ RSV-A และ RSV-B เป็นไวรัสก่อการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็กทั่วโลก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และมีการระบาดเกือบทุกปี
อัตราการแพร่กระจายอยู่ที่ผู้ป่วย 1 คน ต่อคนทั่วไปเพียง 1-2 คนเท่านั้น ไม่แพร่กระจายเหมือนโรคหัด หรือคอตีบ ที่ผู้ป่วยจาม 1 ครั้ง อาจแพร่กระจายเชื้อได้ 7-12 คน
ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ.1955 หรือ พ.ศ.2498 โดยตรวจพบไวรัสชนิดนี้จากลิงชิมแปมซีที่ป่วยจากหวัดก่อนจะพบว่าสามารถติดต่อมายังคนได้
สาเหตุ โรคติดเชื้อ RSV (อาร์เอสวี)
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ได้แก่ เชื้อไข้หวัดใหญ่ (influenza), พาราอินฟูเอนซ่า (parainfluenza), อะดีโนไวรัส (adenovirus) ,ไรห์โนไวรัส (rhinoviruses), และที่สำคัญกำลังระบาดในขณะนี้คือ RSV (respiratory syncytial virus)
อาการ โรคติดเชื้อ RSV (อาร์เอสวี)
- หอบเหนื่อย หายใจลำบาก
- หายใจครืดคราด มีเสียง
- ไอเสียงดัง แบบมีเสมหะ
- มีเสมหะในลำคอมาก
- เด็กที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือหอบหืดอยู่แล้ว อาจมีอาการหนักถึงขั้นหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
การรักษา โรคติดเชื้อ RSV (อาร์เอสวี)
ในปัจจุบันโรค RSV ยังไม่มียารักษาเฉพาะ และผู้ป่วยที่เป็นแล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ ยาขยายหลอดลม ยาแก้ไอ เป็นต้น แต่ในรายที่มีอาการรุนแรงมีอาการของหลอดลมหรทือปอดอักเสบ อาจจะต้องมีการให้ยาพ่น ร่วมกับการให้ออกซิเจน เคาะปอดหรือดูดเสมหะ บางรายที่มีอาการรุนแรงมาก อาจต้องมีการใส่เครื่องช่วยหายใจร่วมด้วย
หากเป็นแค่อาการหวัดจากเชื้อ RSV ให้รักษาตามอาการที่บ้านได้ ไม่มีความจำเป็นต้องนอนในโรงพยาบาล การนอนในโรงพยาบาลที่เกินความจำเป็นนอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังอาจก่อผลเสีย เช่น เกิดการติดเชื้ออื่นแทรกซ้อนจากโรงพยาบาล และการแพร่เชื้อ RSV ให้ผู้อื่นในโรงพยาบาล