คุณประโยชน์ของข้าวต้มมัด แบ่งเป็น
- แคลเซียมช่วยต่อเติมส่วนที่สึกหลอของร่างกาย
- แป้งในข้าวเหนียวช่วยให้ร่างกายคล่องแคล่ว
- น้ำกระทำให้พลังงานในรูปของไขมัน
- กล้วยช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
สูตรเด็ด ทำข้าวต้มมัด
แม้ข้าวต้มมัดจะหาซื้อง่ายตามตลาด แต่ปริมาณไม่สมกับราคาเท่าไร ไส้ก็ใส่น้อยแถมถั่วดำก็นับเม็ดได้ แบบนี้มาทำกินเองสบายใจกว่าเยอะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอสูตรขนมอย่างข้าวต้มมัดหรือข้าวต้มผัด มีทั้งข้าวต้มมัดไส้เผือกกับข้าวต้มมัดไส้กล้วย ใครหาใบตองไม่ได้ก็ทำเป็นข้าวต้มมัดไม่มีใบตองก็เก๋ เข้าครัวกันเลยดีกว่า
ข้าวต้มมัด สูตรไม่ใช้ใบตอง
ใครจะไปเชื่อว่าทำข้าวต้มมัดไม่มีใบตองก็ได้ด้วย ขอนำเสนอวิธีทำข้าวต้มมัด สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับข้าวเหนียวกับถั่วดำผัดกับกะทิจนแห้งแล้วห่อด้วยกระดาษไขพร้อมกับสอดไส้กล้วยหอม เสร็จแล้วเอาไปนึ่งจนสุกพร้อมเสิร์ฟ
ส่วนผสม ข้าวต้มมัด
• ข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง (แช่ทิ้งไว้ข้ามคืน)
• กะทิ 800 มิลลิลิตร
• เกลือ 1 ช้อนชา
• ถั่วดำ 1 ถ้วยตวง (แช่น้ำทิ้งไว้ข้ามคืน)
• น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
• กล้วยหอม
• กระดาษไข
วิธีทำข้าวต้มมัด
- เทกะทิลงหม้อเปิดไฟอ่อน ตามด้วยข้าวเหนียว เกลือ ถั่วดำ (จะนำไปนึ่งให้สุกก่อนหรือจะผัดไปพร้อมกับข้าวเหนียวก็ได้) และน้ำตาลทราย
- ผัดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใช้ไม้พายคนไปเรื่อย ๆ จนข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิ และกะทิเริ่มแห้ง
- สำหรับคนที่หาใบตองไม่ได้ หรือบางคนอยู่ต่างประเทศไม่สะดวกขับรถไปซื้อตามร้านเอเชีย ก็จะใช้กระดาษไขแทน ห่อตามถนัดได้เลย ใส่ไส้กล้วยหอมลงไปด้วย
- นำไปนึ่งประมาณ 20-30 นาที ก็จะสุกน่ากิน แต่จะไม่มีกลิ่นหอมของใบตองนะคะ จะได้แค่ความหอมของกะทิแทน
ประวัติความเป็นมาของ ข้าวต้มมัด
ข้าวต้มมัดเป็นหนึ่งในขนมไทย ที่น้อยคนนักจะบอกว่าไม่รู้จัก เนื่องจากเป็นขนมที่มีประโยชน์ และมีคุณค่าทางอาหาร สามารถหาวัตถุดิบในการทำได้ง่ายในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังเป็นขนมที่นำข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยนำมาประยุกต์ ปรุงแต่งเป็นขนมหวาน จึงถือได้ว่า “ข้าวต้มมัด” เป็นหนึ่งในภูมิปัญญาท้องถิ่นของบรรพบุรุษไทย
“ข้าวต้มมัด” มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น อาทิเช่น ทางภาคเหนือจะเรียกข้าวต้มมัดว่า “ข้าวต้มผัด” ทางภาคกลางเรียกว่า “ข้าวต้มมัด” เรียกตามรูปลักษณ์ที่มีห่อและมัดเป็นกลีบโดยใช้ใบตองและเชือกกล้วย ส่วนทางภาคใต้โดยเฉพาะนครศรีธรรมราชจะเรียกว่า “เหนียวห่อกล้วย” เพราะลักษณะที่เห็น ประกอบกับวิธีการทำที่เป็นการนำข้าวเหนียวมาห่อกล้วยเอาไว้และห่อปิดด้วยใบตองอีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ บางท้องถิ่นจะห่อข้าวต้มมัดเป็นทรงกรวยโดยใช้ใบกระพ้อแต่ไม่มัด หรือห่อเป็นก้อนด้วยใบเตยหรือใบอ้อย แล้วไว้หางยาว ซึ่งจะเรียกว่า “ข้าวต้มลูกโยน”
ในประเพณีไทยนั้น ข้าวต้มมัดจัดเป็นขนมยอดนิยมที่มักทำไว้กินเป็นของว่างหรือเอาไปร่วมงานบุญ บ้างก็ทำไส้ถั่วดำ บ้างก็ทำไส้กล้วย บ้างก็ไม่มีไส้ ซึ่งจะเรียกว่า “ข้าวต้มน้ำวุ้น”
นอกจากนี้เรามักจัดข้าวต้มมัดไปถวายพระในงานบุญวันออกพรรษา หรืองานตักบาตร เทโว เหตุที่คนไทยนิยมนำข้าวต้มมัดไปถวายพระนั้น มีเรื่องเล่ากันว่า เกิดจากชาวเมืองในสมัยพระพุทธกาลที่ไปคอยรับเสด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านำไปทำบุญตักบาตรเพราะเห็นว่าเป็นของสะดวกและรับประทานง่าย บ้างก็ว่าการนำข้าวต้มมัดมาใส่บาตรทำบุญจนเกิดขึ้นเป็นธรรมเนียมนั้น มีจุดประสงค์เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นเสบียงในการเดินทางไปเผยแผ่พระธรรมคำสอน ส่วนคนไทยที่นิยมทำข้าวต้มลูกโยนไปใส่บาตรนั้น เล่ากันว่าเกิดจากชาวบ้านในสมัยพระพุทธกาลที่ไปเบียดเสียดต้องการจะตักบาตรองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่เข้าไปไม่ถึงพระองค์จึงต้องใช้วิธีโยนข้าวต้มมัดนี้แทน
การทำข้าวต้มมัดนั้น ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด เพียงแต่รู้เคล็ดลับในการทำเท่านั้น เริ่มตั้งแต่การเลือกใบตอง ใบตองที่ห่อข้าวต้มมัด จะต้องเป็นใบอ่อนๆและช่วงใบสั้นๆ ใบตองที่ตัดมาจากต้นยังไม่สามารถนำมาห่อได้ ต้องทิ้งค้างคืนไว้ ๑ คืน เพื่อให้ใบตองนิ่ม เพื่อที่เมื่อนำมาห่อแล้วใบตองจะได้ไม่แตก ส่วนการวางใบตองสำหรับห่อนั้นให้วางตามขวาง โดยฉีกใบตองกว้าง ๗-๘ นิ้ว นำมาวางซ้อนกันโดยสลับหัวท้าย และที่สำคัญต้องทำความสะอาดใบตองให้สะอาด
วนกล้วยที่นำมาทำข้าวต้มมัดนั้น ควรเป็นกล้วยสวนที่งอมจัด เพื่อให้เวลานึ่งหรือต้มแล้วไส้ของข้าวต้มมัดจะได้สีแดงสวย นอกจากนี้ ยังสามารถใส่ไส้อื่นได้อีกด้วย เช่น ไส้เผือก หรือไส้ถั่ว เพียงเท่านี้เราก็จะได้ข้าวต้มมัดที่แสนอร่อยและมีประโยชน์ไว้รับประทานแทนขนมกรุบกรอบที่ไร้ประโยชน์ ที่สำคัญยังเป็นการสร้างกิจกรรมในครอบครัวได้อีกทางหนึ่งด้วย
“ข้าวต้มมัด” ไม่ใช่เพียงขนมที่ใช้รับประทานเท่านั้น หากแต่ข้าวต้มมัดยังแฝงไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมไว้ด้วยอย่างเต็มเปี่ยม คงจะเป็นการดีไม่น้อย หากทุกคนในสังคมช่วยกันอนุรักษ์ และให้ความสำคัญกับขนมไทย สมกับที่บรรพบุรุษของเราได้คิดค้น และพยายามทำขึ้นมา เพื่อให้ขนมไทย อยู่คู่คนไทยและประเทศไทย ไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา