ผลการตรวจภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิด 19 ต่อไวรัสโอมิครอนออกมาอีกชิ้นหนึ่งจากทีมวิจัยในเยอรมนี เปรียบเทียบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนรูปแบบต่าง ๆ ทั้งแบบ 2 เข็มปกติ และ 3 เข็มกระตุ้น โดยผลสรุปจากการศึกษานี้ได้ดังนี้
- ภูมิจากไฟเซอร์ 2 เข็มสามารถจับและป้องกันเดลตาได้ 48% แต่ได้ 0% เมื่อทดสอบกับโอมิครอน
- เมื่อฉีดไฟเซอร์ 3 เข็ม ภูมิเมื่อเก็บหลังเข็ม 3 ครึ่งเดือนยับยั้งเดลตาได้ 100% และยับยั้งโอมิครอนได้ 58% แต่ถ้าเก็บหลังเข็ม 3 เป็นเวลา 3 เดือน ภูมิตกจนยับยั้งโอมิครอนได้เพียง 25%
- ภูมิผู้ที่เคยติดเชื้อและได้ไฟเซอร์ 2 เข็ม ยับยั้งเดลตาได้ 85% และ โอมิครอน 25% (ไม่แน่ใจเก็บเลือดกี่เดือนหลังฉีด)
- ภูมิจากคนที่ฉีดโมเดอร์นา 2 เข็มมา 6 เดือน เหลือยับยั้งเดลตาได้ 50% แต่ยับยั้งโอมิครอนไม่ได้เลย แต่ถ้าบูสต์เข็ม 3 ด้วยไฟเซอร์ ภูมิที่เก็บ 2 สัปดาห์หลังกระตุ้นสามารถยับยั้งเดลตาได้ 100% และเพียงพอต่อโอมิครอน 78% หลังจากนั้นไม่ชัดเจนจะตกลงไวแค่ไหน
- เข็มไขว้ แอสตร้าเซนเนก้า+ไฟเซอร์ หลังจากฉีด 6 เดือน ภูมิยับยั้งเดลตาได้ 21% และไม่เพียงพอยับยั้งโอมิครอน ถ้ากลุ่มนี้ได้เข็มกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ ภูมิที่เก็บ 2 อาทิตย์จะพอยับยั้งเดลตาได้ 88% และ ยับยั้งโอมิครอนได้ 38% หลังจาก 2 อาทิตย์ยังไม่ชัดว่าตกไวแค่ไหน
จากกรณีที่โรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนเริ่มแพร่ระบาดในหลายประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็พบผู้ป่วยสายพันธุ์นี้แล้วซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีอาการน้อย หรือไม่ปรากฏอาการ ซึ่งทางกรมควบคุมโรค ได้ประเมินสถานการณ์ของสายพันธุ์โอมิครอนว่ามีรูปแบบการแพร่ระบาดคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เมื่อระบาดเยอะก็กลายเป็นโรคประจำถิ่น ความรุนแรงจะลดลง และขณะนี้ก็ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน
ล่าสุด (8 ธันวาคม 2564) ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana