COVID-19: โอไมครอนจะมาเป็นวัคซีนธรรมชาติดีไหม

4 เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย ไอเทมยอดฮิตประจำปี covid-19 คือ รักษา วัคซีน โอไมครอน โควิด เดลต้า

ช่วงนี้จะเห็นหลายคนออกมาพูดเรื่องโอไมครอนเป็นวัคซีนธรรมชาติที่จะทำให้สภาวะโรคระบาดโควิดหมดไปจากโลก ทุกคนจะมี Herd Immunity

ย้อนไปที่เมื่อตอนโน้นสองปีก่อนที่เชื้อมันระบาดใหม่ๆ คนก็พูดถึงเรื่องการจะจบการระบาดได้ว่ามันมีสองแบบ – แบบแรกคือ ฉีดวัคซีนครบทั่วโลกจนทุกคนมีภูมิ เกิด Herd Immunity ซึ่ง ผ่านมาสองปี เราเห็นกันละว่าน่าจะลำบาก เพราะว่าไวรัสมันวายร้าย มันกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ – แบบสองคือ กันไปเรื่อยๆจนมันกลายพันธุ์มาเป็นพวกที่เบาๆที่แพร่ได้เร็ว จากนั้นปล่อยให้มันติดกวาดไป แล้วพอทุกคนมีภูมิก็จะไม่มีใครป่วยอีก เกิด Herd immunity ธรรมชาติ

ทีนี้ Omicron มันคล้ายๆจะเป็นแบบนั้น คือแพร่เร็วมาก เชื้อออกมาเยอะกว่าปกติ แถมติดในคนฉีดวัคซีนได้ ฝ่าแนว Herd immunity จากวัคซีน แล้วก็งานวิจัยที่ออกมามากขึ้นพบว่ามันลงปอดน้อยกว่า คนตายลดลงแล้วก็มีงานวิจัยที่พบว่า ถึงมันจะฝ่าวัคซีนมาได้ แต่เวลาติดเชื้อโอไมครอนนี้ ภูมิต่อเดลต้าก็ขึ้นหน่อยนึง หลายคนเลยคิดกันว่า ถ้าระบาดรุนแรงจนทุกคนติดเชื้อนี้ ทุกคนจะมีภูมิต่อโควิดอื่น จากนั้นโควิดจะหมดไปจากโลก คำถามที่ตามมาคือ งั้นเราปล่อยให้ติดไปเลยดีไหม มันจะแทนวัคซีนได้ไหม

ถ้าเราจะให้การติดเชื้อแทนวัคซีน การป่วยจากเชื้อต้องมีความเสี่ยงน้อยกว่าการป่วยจากวัคซีน ซึ่ง มันยังไม่ใช่ คนที่ป่วยจากเชื้อ ยังไงก็ยังมีอัตราการตายสูงกว่าโอไมครอนมันอ่อนกว่าเดลต้า แต่มันก็ยังทำให้คนตายได้ ตราบใดที่ยังไม่มั่นใจได้ว่าการติดเชื้อจะปลอดภัยกว่าการได้วัคซีนก็อย่าเสี่ยงเลย

ข้อมูลที่ว่าโอไมครอนกระตุ้นการสร้างภูมิต่อเดลต้า เกิดใน ***คนที่ได้วัคซีนมาก่อน มากกว่าในคนที่ไม่เคยได้วัคซีน***

หมอหรือนักวิทยาศาสตร์ที่คุยเรื่องนี้กัน ข่าวที่ออกมา มักคุยในประเทศที่ให้ฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลัก และส่วนใหญ่ เค้าพูดโดยตั้งบนกรณีของประชากรส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม (และยังสนับสนุนเรื่องBoost)

ดังนั้น เอาสรุปๆ ก็ป้องกันตัวไปตามปกติ ฉีดวัคซีนไปก่อน รอบนี้สัดส่วนการป่วยหนักน่าจะน้อยลงแต่คนป่วยรวมน่าจะมากขึ้น

โดยรวม ยังไม่รู้จะจบลงแบบไหน

โดย พิรัตน์ โลกาพัฒนา

[Total: 1 Average: 5]

Leave a Reply

Discover more from HEALTH ME NOW

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading