คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินเรื่องโรคสมาธิสั้นและอาการไฮเปอร์กันมาบ้าง ซึ่งทั้งสองอาการนี้ค่อนข้างคล้ายกัน แล้วคุณพ่อคุณแม่จะแยกอาการ “สมาธิสั้น” กับ “ไฮเปอร์” ออกจากกันได้ยังไงบ้าง? เราลองมาหาความแตกต่างของทั้งสองอาการนี้ไปพร้อม ๆ กัน
.
เริ่มจาก “สมาธิสั้น” เป็นความผิดปกติทางจิตเวชที่ทำให้เด็กมีสมาธิสั้นกว่าปกติ ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ จึงทำให้เด็กอยู่ไม่นิ่ง ซุกซน วอกแวกง่าย ส่วน “ไฮเปอร์” เป็นเพียงแค่อาการซนมากผิดปกติ หรือไขว้เขวง่าย ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เด็กที่มีสมาธิสั้น, มีไอคิวสูง, มีความวิตกกังวล, มีพัฒนาการระบบประสาทล่าช้า, เคยได้รับความกระทบกระเทือนหรือติดเชื้อที่สมอง และไฮเปอร์โดยธรรมชาติ
.
ดังนั้นเด็กที่มีอาการไฮเปอร์จึงไม่จำเป็นว่าต้องสมาธิสั้นเสมอไป แต่เมื่อไรที่ลูกน้อยมีผลการเรียนแย่ลง เล่นโลดโผนจนตัวเองหรือเพื่อนบาดเจ็บ แยกตัวออกจากกลุ่มมาอยู่คนเดียว ไม่เข้าสังคม เป็นต้น ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพราะนี่คือสัญญาณเตือนของโรคสมาธิสั้น โดยวิธีการรักษามีอยู่ 4 วิธี คือ ปรับพฤติกรรมและกระตุ้นพัฒนาการ การเรียนแบบตัวต่อตัว หรือรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และปรึกษาแพทย์อย่างต่อเนื่อง
.
ถึงแม้อาการ “ไฮเปอร์” และ “สมาธิสั้น” จะมีความคล้ายกันอยู่บ้าง แต่ถ้าลูกน้อยมีการแสดงออกที่เปลี่ยนไปหรือไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ให้คุณพ่อคุณแม่รีบพาไปพบแพทย์ ให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นมาได้อย่างมีความสุข มีความภาคภูมิใจในตัวเอง และที่สำคัญคือการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพในอนาคต
