ปวดน่อง (Calf Pain) เป็นอาการปวดที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน น่องประกอบด้วยกล้ามเนื้อ 2 มัดคือ Gastrocnemius และ Soleus กล้ามเนื้อเหล่านี้มาบรรจบกันที่เอ็นร้อยหวายซึ่งยึดติดกับส้นเท้าโดยตรง เราจะใช้กล้ามเนื้อเหล่านี้เมื่อมีการเคลื่อนไหวขาหรือเท้า
อาการปวดน่องแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วจะรู้สึกปวด และบางครั้งมีอาการตึงที่ด้านหลังของขาส่วนล่าง อาการที่อาจบ่งบอกถึงภาวะที่รุนแรงขึ้น ได้แก่ :
- บวม
- น่องมีสีซีดหรือรู้สึกถึงความเย็น
- ชาที่น่องและขา
- ขาอ่อนแรง
- บวมน้ำ
- อักเสบ แดง
หากมีอาการเหล่านี้ เพิ่มเติมจากอาการปวดน่อง ควรไปพบแพทย์
อาการปวดน่องอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น การทำงานหนักเกินไปของกล้ามเนื้อ ตะคริว ในขณะที่อาการปวดน่องส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง แต่บางกรณีอาจต้องได้รับการดูแลจากแพทย์โดยทันที
สาเหตุ ปวดน่อง
อาการปวดน่องเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย เช่น
- การบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย อาจเกิดจากการอบอุ่นร่างกายยืดเส้นยืดสายไม่เพียงพอก่อนออกกำลังกาย หรือใช้กล้ามเนื้อน่องมากเกินไป โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่เน้นบริหารช่วงขา เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ยกน้ำหนัก เป็นต้น เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดและเกิดอาการปวดน่องตามมาได้
- การห้อเลือดหรือรอยฟกช้ำ ซึ่งเป็นผลมาจากหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตกหลังได้รับบาดเจ็บ เช่น หกล้ม หรือถูกกระแทกจากของไม่มีคม เป็นต้น
- การเกิดตะคริวจนทำให้กล้ามเนื้อหดรัดตัว โดยอาจเกิดจากการออกกำลังกายเป็นเวลานานหรือหนักเกินไป หรือร่างกายอยู่ในภาวะสูญเสียน้ำและเกลือแร่
- เอ็นร้อยหวายอักเสบ เกิดจากการใช้เส้นเอ็นมากเกินไป โดยอาการทั่วไปที่พบ คือ เอ็นอักเสบ ปวดบวมบริเวณด้านหลังของขาส่วนล่าง และเคลื่อนไหวได้ในทิศทางที่จำกัดเมื่องอเท้า
- อาการปวดร้าวลงขา มีสาเหตุจากเส้นประสาทไซอาติก (Sciatic Nerve) ถูกกดทับ ส่งผลให้เกิดอาการปวด ชา และเจ็บแปลบบริเวณหลังส่วนล่าง ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการปวดร้าวลงไปถึงน่องและกล้ามเนื้ออื่น ๆ ร่วมด้วย
- หลอดเลือดดำที่ขาอุดตัน ทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำส่วนลึกบริเวณแขน ขา และน่อง ซึ่งอาจส่งผลให้ขาเกิดอาการบวมและปวดตึง
- เส้นประสาทบริเวณขาเสียหายจากโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นภาวะที่พบมากในผู้ป่วยเบาหวาน ส่งผลให้เส้นประสาทที่มือ แขน ขา และเท้าถูกทำลาย
- ความดันในช่องกล้ามเนื้อสูง เป็นภาวะที่เกิดขึ้นหลังได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการชา ปวดอย่างรุนแรง และเคลื่อนไหวลำบาก
อาการ ปวดน่อง
อาการปวดน่องจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ โดยผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดเมื่อย ปวดแปลบ ปวดตุบ ๆ บริเวณน่องข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นขณะนอนหลับในตอนกลางคืน วิ่ง หรือออกกำลังกาย
นอกจากนี้ อาการปวดน่องอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะหากพบอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้นร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ทันที
- น่องหรือขาบวม
- ขาและเท้าเริ่มซีดหรือเย็นผิดปกติ
- น่องมีอาการแดงและร้อนผิดปกติ
- กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง
- รู้สึกเจ็บแปลบหรือชาบริเวณน่องและขา
- มีอาการกดเจ็บบริเวณน่อง
การรักษา ปวดน่อง
การรักษาด้วยตนเอง ผู้ป่วยอาจปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อบรรเทาอาการปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ
- หยุดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดน่อง
- ค่อย ๆ ยืดหรือเหยียดขาออก แล้วนวดกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดเบา ๆ โดยเหยียดขาค้างไว้จนกว่าอาการปวดจะทุเลาลง
- ทายาบรรเทาอาการปวด ซึ่งเป็นยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
- ประคบร้อนบริเวณกล้ามเนื้อที่มีอาการปวดตึง
- ประคบเย็นบริเวณกล้ามเนื้อที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บ
- หากมีอาการบวม อาจยกขาให้อยู่ระดับหัวใจหรืออยู่เหนือระดับหัวใจ
- รับประทานยาแก้ปวดที่มีขายทั่วไปตามร้านขายยา เช่น ยาพาราเซตามอล ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน เป็นต้น
การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์
แพทย์จะรักษาอาการปวดน่องตามลักษณะอาการ ผลการวินิจฉัย และโรคประจำตัวของผู้ป่วยร่วมกัน เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและควบคุมสาเหตุที่อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดน่องซ้ำอีกในอนาคต กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดน่องจากภาวะความดันในช่องกล้ามเนื้อสูง หลอดเลือดดำอุดตันที่ขา หรือเส้นประสาทถูกทำลายจากเบาหวาน อาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยยาและการผ่าตัด ทั้งนี้ หากอาการปวดน่องไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงมากหลังการรักษา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที