หลังจากการตรวจวินิจฉัยจาก Mammogram และ Ultrasound เมื่อพบว่ามีสิ่งที่ผิดปกติ การวินิจฉัยขั้นต่อไปก็คือ การเจาะชิ้นเนื้อ ว่าจะเป็นก้อนมะเร็งหรือไม่ การเจาะชิ้นเนื้อนั้นทำได้หลายวิธี คือ
Needle Biopsy
เนื้อเยื่อที่ผิดปกตินั้นปัจจุบันสามารถใช้เข็มเจาะโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด การใช้เข็มเจาะเพื่อเอาเนื้อเยื่อที่ผิดปกติมาวิเคราะห์ สามารถทำได้ 2 วิธีใช้อุปกรณ์ที่เป็นเข็มขนาดใหญ่ขึ้น ประมาณเท่ากับเข็มที่เราไปบริจาคเลือด เจาะเข้าไปที่ก้อน แล้วเข็มก็จะตัดเอาเนื้อเยื่อในก้อนมาจำนวนหนึ่ง สำหรับส่งไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ วิธีนี้มีข้อดีคือได้เนื้อเยื่อมากกว่า FNA และค่อนข้างแม่นยำสูง
1. FNA หรือ Fine Needle Aspiration โดยใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อจะเอาเนื้อเยื่อขนาดเล็กมากมาตรวจ สะดวกและใช้เวลาน้อย แต่ที่สำคัญก็คือต้องทำให้ถูกวิธี และมีพยาธิแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการวิเคราะห์
2. Core Needle Biopsy โดยการใช้เข็มที่มีขนาดใหญ่เพื่อเจาะชิ้นเนื้อให้ได้ขนาดใหญ่ พอที่พยาธิแพทย์สามารถตรวจวิเคราะห์ชิ้นเนื้อได้แม่นยำ
หลังจากการตรวจวินิจฉัยจาก Mammogram และ Ultrasound เมื่อพบว่ามีสิ่งที่ผิดปกติ การวินิจฉัยขั้นต่อไปก็คือ การเจาะชิ้นเนื้อ ว่าจะเป็นก้อนมะเร็งหรือไม่ การเจาะชิ้นเนื้อนั้นทำได้หลายวิธี คือ
กรณีตรวจพบความผิดปกติจาก แมมโมแกรม
1. Stereotactic biopsy เป็นเจาะตรวจเนื้อเยื่อโดยอาศัย เครื่องแมมโมแกรมค้นหาพิกัดตำแหน่งของจุดผิดปกติในเต้านม(โดยมากมักเป็นจุดหินปูน) โดยการคำนวณของคอมพิวเตอร์ แล้วใช้เข็มเจาะเข้าไปตัดชิ้นเนื้อในตำแหน่งที่ผิดปกติภายใต้การควบคุมทิศทางจากคอมพิวเตอร์
2. Needle localized biopsy เป็นการผ่าตัดคว้านเนื้อเยื่อที่ผิดปกติออกมา โดยมีเข็มตะขอเกี่ยวเนื้อเยื่อบริเวณนั้นอยู่ การใส่เข็มตะขอเข้าไปเกี่ยวเนื้อเยื่อให้ถูกตำแหน่ง ก็ต้องอาศัยเครื่องแมมโมแกรมในการค้นหาจุดผิดปกติดังกล่าว
กรณีตรวจพบความผิดปกติจาก อัลตราซาวนด์
1. Ultrasound guided core biopsy เป็นการอาศัยอัลตราซาวนด์ ค้นหาตำแหน่งของก้อนแล้วใช้เข็มเจาะภายใต้การควบคุมทิศทางจากเครื่องอัลตราซาวนด์
2. Needle localized biopsy เป็นการผ่าตัดเอาก้อนออกมา โดยมีเข็มตะขอเกี่ยวก้อนเนื้ออยู่ โดยใช้อัลตราซาวนด์หาก้อน แล้วใช้เข็มเกี่ยวเอาไว้