หลังการติดเชื้อไวรัสเป็นครั้งแรก เชื้อ Cytomegalovirus (CMV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสยังคงอยู่ในเม็ดเลือดขาว (WBCs) มีแอนติบอดีของ CMV ซึ่งบ่งชี้ว่าเคยมีการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำจะเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อ CMV การได้รับเลือดหรือเนื้อเยื่อจากผู้ที่เป็นเอชไอวีบวก ( seropositive donor) อาจเป็นสาเหตุให้มีการติดเชื้อ CMV ได้โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนด
แอนติบอดีเชื้อ CMV สามารถถูกตรวจพบด้วยหลายวิธี เช่น passive Hemagglutination, latex agglutination, enzyme immunoassay และ indirect tImmunofluorescence การตรวจด้วยการทดสอบคอมพลีเมนต์ฟิกแซชั่น (complemen tFixation test) จะมีความไวเพียงร้อยละ 60 เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจอื่น ๆ และไม่ควรใช้คัดกรองหา CMV antibodies การตรวจคัดกรองหา CMV antibodies เป็นการตรวจเชิงปริมาณ ตรวจสอบจากการตรวจพบแอนติบอดีในสารละลายเพียงอย่างเดียว ส่วนวิธีการตรวจเชิงคุณภาพจะใช้สารละลายหลายอย่างของเลือดมาตรวจเพื่อบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อ CMV แบบเฉียบพลัน
วัตถุประสงค์
1.พื่อตรวจสอบการติดเชื้อ CMV ในผู้บริจาคและผู้รับอวัยวะและเลือด และในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ
2.เพื่อคัดกรองการติดเชื้อ CMV ในเด็กทารกผู้ซึ่งต้องการเลือดหรือได้รับการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ
ผลการตรวจที่เป็นปกติ
ผู้ป่วยที่ไม่เคยติดเชื้อ CMV จะไม่สามารถตรวจวัดแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสได้ IgM หรือ IgG antibodies ปกติได้ผลลบ
ผลการตรวจที่ผิดปกติ
การเก็บสิ่งส่งตรวจในระยะแรก ๆ ระหว่างระยะเฉียบพลัน หรือในระยะท้าย ๆ ใน convalescent stage อาจจะไม่พบ IgM หรือ IgG antibodies ต่อ CMV ซึ่งเป็นผลลบแต่ผลลบไม่ได้หมายความว่าไม่เคยติดเชื้อมาก่อน เพื่อให้ได้ผลแน่นอนควรตรวจซ้ำมากกว่า 1 ตัวอย่าง โดยเอาแอนติบอดีที่ 1 มาเจือจาง (dilution) เพื่อดูว่าผู้ป่วยติดเชื้อ CMV หรือไม่ ในเม็ดเลือดขาว (WBCs) ที่มีเชื้อไวรัสแฝงอยู่มีความสามารถ Reactive ใน immunocompromised host ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิต้านทานซึ่งไม่มีแอนติบอดีต่อ CMV ที่ควรจะได้รับเลือดหรือเปลี่ยนอวัยวะจากผู้ให้ซึ่งมีเลือดได้ผลลบผู้ป่วย CMV antibodies ไม่ต้องมีผลเลือดเป็นลบ