กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน หรือเรียกง่ายๆ ว่า “โอเอบี” คือ ภาวะที่เราไม่สามารถกลั้นปัสสาวะไว้ได้เมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ จำเป็นต้องหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่เช่น ทำงานบ้าน ดูทีวี นั่งประชุม นั่งเรียนหนังสือ เป็นต้น โดยมีอาการร่วมอื่นๆ ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยขึ้นมากกว่า 8 ครั้งต่อวัน ต้องลุกมาปัสสาวะหลังนอนหลับ บางครั้งมีปัสสาวะเล็ดราดร่วมด้วย โดยไม่สามารถตรวจพบพยาธิสภาพอื่นๆ ในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น การติดเชื้อ มะเร็ง กระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังการฉายแสง นิ่ว เป็นต้น

สาเหตุ กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน

เกิดได้จากหลายสาเหตุ ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งสาเหตุต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะนี้ ได้แก่ การที่กระแสประสาทที่สั่งการมายังกระเพาะปัสสาวะมีความผิดปกติทำให้กระเพาะปัสสาวะมีการบีบตัวบ่อยและมากกว่าปกติ โดยที่ยังมีปริมาณปัสสาวะน้อยกว่าปกติ ปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดอาการมากขึ้น ได้แก่ กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง เส้นประสาทบางส่วนถูกทำลาย หลังการผ่าตัดช่องท้องบริเวณอุ้งเชิงกราน น้ำหนักเกิน ภาวะหลังหมดประจำเดือน ยาบางชนิด แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ

กลุ่มอาการกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินหรือโอเอบี เกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะมีการบีบตัวเพื่อขับถ่ายน้ำปัสสาวะออกมาในเวลาที่ไม่เหมาะสม บ่อยครั้งที่เกิดขึ้นฉับพลันโดยไม่มีสัญญาณเตือน และในเวลาที่คุณไม่ตั้งใจที่จะปัสสาวะ

อาการ กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน

อาการที่อาจบ่งบอกว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน ได้แก่

  1. อาการปวดราด คือปวดปัสสาวะรุนแรงจนเล็ดราดออกมา ไม่สามารถรอไปเข้าห้องน้ำได้ทัน ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ จะรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยมากกว่า 8 ครั้งขึ้นไปต่อวัน
  2. ปัสสาวะเล็ดจากการไอ จาม หรือหัวเราะ อาการลักษณะนี้มักพบในผู้หญิงที่เริ่มมีอายุมากขึ้น น้ำหนักตัวมาก เคยมีประวัติคลอดบุตรหลายคนไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีธรรมชาติ หรือผ่าตัด เคยมีการผ่าตัดบริเวณรอบท่อปัสสาวะ หรือเคยรับการฉายรังสีรักษาบริเวณนั้นมาก่อน
  3. ปัสสาวะราด คือเมื่อปวด ปัสสาวะก็ไหลออกมาเลย โดยไม่สามารถกลั้นได้

การรักษา กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน

การใช้ยารักษา OAB การฉีดยาเข้ากระเพาะปัสสาวะ สาร botulinum ปริมาณต่าง ๆ สามารถหยุดการบีบตัวที่มากเกินไปของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะโดยค่อย ๆ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง การวิจัยทางคลินิกแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อย่างรุนแรง ซึ่งมีฤทธิ์ชั่วคราวโดยทั่วไปนาน 5 เดือน หรือมากกว่านั้น แต่อาจจำเป็นต้องฉีดซ้ำ แพทย์จะคอยติดตามอาการของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้กลั้นปัสสาวะในปริมาณที่มากเกินไป หากการระบายปัสสาวะของคุณไม่ดีอาจต้องใส่สายสวนปัสสาวะชั่วคราว

การกระตุ้นประสาทการรักษาวิธีนี้จะต้องทำการฝังเครื่องส่งสัญญาณขนาดเล็กไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหลังส่วนล่าง เครื่องส่งสัญญาณจะส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ผ่านเส้นลวดบาง ๆ ไปยังเส้นประสาทที่นำไปสู่กระเพาะปัสสาวะ กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ที่ไม่ทำให้เจ็บปวดจะขัดขวางการสื่อสารที่กระตุ้นให้เกิดการหดตัวที่ไม่พึงประสงค์ของกระเพาะปัสสาวะ (กระเพาะปัสสาวะของคุณจะไม่ได้รับสัญญาณให้บีบตัวจนกว่าจะมีปริมาณของปัสสาวะที่เหมาะสม)

การผ่าตัด การผ่าตัดเพื่อรักษาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินสงวนไว้เป็นวิธีรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงซึ่งไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความสามารถในการเก็บปัสสาวะของกระเพาะปัสสาวะ และลดแรงบีบในกระเพาะปัสสาวะ

การรักษาอื่นๆ

ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายหรือดีขึ้นจากกลุ่มอาการนี้โดยการปรับเปลี่ยนปริมาณและชนิดของสารน้ำที่ดื่ม การฝึกควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะและการใช้ยา อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งจะมีอาการคงอยู่ทั้งๆ ที่ได้รับการรักษาดังกล่าว ในกรณีเช่นนี้ อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • การฉีดโบทูลินัม ท็อกซิน (botulinum toxin) เข้าไปในผนังกระเพาะปัสสาวะผ่านทาง กล้องส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ ภายใต้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ ผลที่เกิด คือ กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเกิดการคลายตัว ช่วยให้อาการปวดปัสสาวะรีบลดลง และกระเพาะปัสสาวะสามารถเก็บกักน้ำปัสสาวะได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าปัจจุบันยังไม่ทราบถึงผลระยะยาวของการฉีดโบทูลินัม ท็อกซิน แต่เชื่อว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิผล (อัตราการหายสูงถึงร้อยละ 80) แต่ผลของการรักษาอยู่ได้นานไม่เกิน 9 เดือน จึงอาจจำเป็นต้องได้รับการฉีดซ้ำ อย่างไรก็ดี ภายหลังฉีดร้อยละ 20 ของผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาถ่ายปัสสาวะลำบาก และต้องได้รับการสวนปัสสาวะตนเองช่วย แพทย์สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่คุณในเรื่องนี้
  • การกระตุ้นเส้นประสาททิเบียล (Tibial nerve stimulation) เป็นการกระตุ้นเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะทางอ้อมผ่านทางเส้นประสาททิเบียลซึ่งทอดผ่านบริเวณข้อเท้า ทำได้โดยการแทงเข็มขนาดเล็กมากๆ ผ่านผิวหนังที่บริเวณใกล้ข้อเท้าเข้าไป แล้วเชื่อมต่อปลายอีกข้างของเข็มเข้ากับอุปกรณ์ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นเส้นประสาท การกระตุ้นนี้เป็นการฝึกเส้นประสาทให้กลับมาควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้อีก
  • การกระตุ้นเส้นประสาทใต้กระเบ็นเหน็บ (Sacral nerve stimulation) เป็นการกระตุ้นเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะโดยตรง โดยผ่าตัดฝังอุปกรณ์กระตุ้นเส้นประสาทไว้ในร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งทำได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น ดังนั้น จึงเลือกใช้การรักษาวิธีนี้เฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล
  • แพทย์ที่ดูแลคุณจะให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับการรักษาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด แม้ว่าการรักษานั้นๆ อาจไม่สามารถทำให้คุณหายขาดจากกลุ่มอาการกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินนี้ อย่างไรก็ดี หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตระหนักว่ายังมีการรักษาอีกหลากหลายวิธีที่อาจช่วยคุณในการจัดการกับปัญหานี้ และช่วยให้ชีวิตของคุณไม่ถูกควบคุมจากกระเพาะปัสสาวะของคุณเอง
[Total: 0 Average: 0]