มะเร็งเยื่อมดลูก คือ โรคพบได้น้อยกว่ามะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ พบมากช่วงอายุ 40-60 ปี อาจพบร่วมกับภาวะอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
สาเหตุ มะเร็งเยื่อมดลูก
ยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับความไม่สมดุลของฮอร์โมนทำให้มีระดับเอสโทรเจนสูง ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมาจากกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติ การมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี ภาวะไม่มีบุตรหรือมีบุตร เมื่อมีอายุมาก ภาวะน้ำหนักเกิน การบริโภคไขมันสัตว์ มาก การตกไข่สม่ำเสมอ เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ ชนิดหลายถุงการได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมน เอสโทรเจนเป็นเวลานาน เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณ เชิงกรานหรือการใช้ยาต้านเอสโทรเจน (tamoxifen)
นอกจากนี้ผู้ที่เป็นเบาหวาน และผู้ที่มีประวัติโรคนี้ในครอบครัวก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ชนิดนี้มากขึ้น
อาการ มะเร็งเยื่อมดลูก
มักมีอาการมีเลือดประจำเดือนออกมากหรือนาน ผิดปกติ มีของเหลวสีชมพูหรือสีขาวออกทางช่องคลอด หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังวัยหมดประจำเดือน ปวดท้องน้อย
บางรายอาจมีอาการเจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะหรือ ร่วมเพศ น้ำหนักลด ซีดจากการเสียเลือด อาจคลำได้ ก้อนที่บริเวณท้องน้อย
การป้องกัน มะเร็งเยื่อมดลูก
อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุมดลูกโดย
- ถ้าจำเป็นต้องให้ฮอร์โทนทดแทนในวัยหมดประจำเดือน ควรให้ฮอร์โมนผสมเอสโทรเจนกับโพรเจสเทอโรน
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ลดการบริโภคไขมันสัตว์
- สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างต่อเนื่อง
การรักษา มะเร็งเยื่อมดลูก
หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล แพทย์จะทำการ วินิจฉัยโดยการตรวจเซลล์มะเร็งที่เก็บจากช่องคลอด จากการขูดมดลูก หรือใช้กล้องส่องตรวจโพรงมดลูก (hysteroscopy) แล้วตัดเยื่อบุมดลูกนำไปตรวจชิ้นเนื้อ และให้การรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูกพร้อมทั้งรังไข่ และท่อนำรังไข่ออกทั้ง 2 ข้างในรายที่มดลูกโตขนาดเท่าครรภ์ 8 สัปดาห์ อาจทำการฉายรังสีหรือใส่แร่เรดียม ก่อนผ่าตัด ในรายที่มะเร็งแพร่กระจายออกจากช่องเชิงกราน อาจต้องให้เคมีบำบัดหรือฮอร์โมนบำบัด (ได้แก่โพรเจสเทอโรนสังเคราะห์)
ผลการรักษา มักจะได้ผลดี มีอัตราหายถึงร้อยละ 80-90 เนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการเลือดออกตั้งแต่เป็น มะเร็งระยะแรกจึงทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ได้เร็วและได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ