พิษแมงดาถ้วย คือ มีสารพิษคือ เทโทรโดท็อกซิน (tetrodotoxin) ชนิดเดียวกับพิษปลาปักเป้า สะสมอยู่ในการรับพิษจากสัตว์น้ำทั้ง 2 ชนิดนี้ จึงมีอาการแสดง เหมือนกัน และวิธีการดูแลรักษาแบบเดียวกัน
ในบ้านเรามีรายงานผู้ที่ป่วยและตายจากการกินแมงดาถ้วยและปลาปักเป้า (ทั้งปลาน้ำจืดและปลาทะเล) เป็นครั้งคราว พบได้ในคนทุกวัย มักพบเป็นพร้อมกัน หลายคนที่กินสัตว์น้ำพวกนี้ด้วยกัน
แมงดาถ้วย (แมงดาไฟหางกลม แมงดาไฟ เหรา,horseshoe crab) ลักษณะตัวเล็ก หางกลมเรียว ไม่มีหนาม อยู่ตามป่าชายเลน มีพิษเทโทรโดท็อกซินเช่นเดียวกับปลาปักเป้า พิษจะมีมากในไข่แมงดามากกว่าใน เนื้อ นิยมนำมายำหรือแกงกิน
ส่วนแมงดาทะเลที่ไม่มีพิษคือ แมงดาจาน (แมงดา หางเหลี่ยม,giant king crab) มีลักษณะตัวใหญ่ หางเหลี่ยม มีหนามเล็กน้อยอยู่ในทะเลน้ำลึก
เกิดหลังกิน แมงดาถ้วย 10-45 นาที ถึง 4 ชั่วโมง บางรายอาจนานถึง 12-20 ชั่วโมง ขึ้นกับปริมาณพิษที่ได้รับ ถ้ากินพิษเข้าไปมาก อาการก็จะเกิดเร็ว
แรกเริ่มจะรู้สึกชาและเสียวแปลบ ๆ ที่ริมฝีปาก และลิ้นก่อน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะมึนงง ๆ ตัวลอย ๆ บางรายอาจมีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำร่วมด้วย
ระยะต่อมาอาการชาจะลุกลามไปที่ใบหน้า แขน ขา และปลายมือปลายเท้า ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย ไม่ค่อยมีแรง จนลุกขึ้นยืนหรือเดินไม่ได้ และอาจรู้สึกแน่นอึดอัดหายใจไม่ค่อยออก
ถ้ารับพิษมาก อาการจะรุนแรงมากขึ้น มีอาการ อ่อนแรงของกล้ามเนื้อมากขึ้น โดยเริ่มจากไม่สามารถ เคลื่อนไหวแขนขาตามที่ต้องการได้ ตามมาด้วยอาการ กลืนลำบาก พูดลำบาก ตะกุกตะกักจนกระทั่งพูดไม่ได้ (เนื่องจากกล้ามเนื้อคอหอยและกล่องเสียงเป็นอัมพาต) ระยะนี้ผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดี
ระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจะหายใจไม่ได้หรือหรือหยุดหายใจ (เนื่องจากกล้ามเนื้อกะบังลม หน้าอก และท้องเป็น อัมพาต) ตัวเขียวและหมดสติ ถ้าไม่ได้รับการรักษา ก็จะเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว
ความรุนแรงและระยะของโรคขึ้นกับปริมาณพิษที่ได้รับ ถ้ากินพิษมาก อาการจะลุกลามรวดเร็ว และอาจ เสียชีวิตภายใน 20-30 นาทีหลังจากเริ่มมีอาการชาที่ ปาก บางรายอาจเสียชีวิตภายใน 4-6 ชั่วโมง หรือภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าภายหลัง 24 ชั่วโมงหลังเกิดอาการผู้ป่วยสามารถรอดชีวิตมาได้ ก็มักจะค่อย ๆ ฟื้นคืนสู่ปกติได้เอง ซึ่งอาจใช้เวลา 24-48 ชั่วโมง
ส่วนโบทูลิซึมจะเป็นจากบนลงล่าง (descending paralysis) คือเริ่มที่หน้า (ตา คอหอย กล่องเสียง)ก่อน ค่อยลงมาที่หน้าอก หน้าท้อง (หยุดหายใจ) แล้วไปสิ้นสุดที่แขนขา นอกจากนี้ โรคนี้จะมีอาการชาที่ปาก ลิ้น หน้า และแขนขา ขณะที่อีกโรคหนึ่งไม่มีอาการชา
หากมีอาการน่าสงสัย เช่น อาการชาที่ริมฝีปาก และลิ้น (อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินร่วมด้วย) หรือแขนขนอ่อนแรง หลังกินแมงดาถ้วย ควรให้การปฐมพยาบาลแล้ว รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลมันที และควรติดตามเฝ้าดู อาการอย่างใกล้ชิด หากพบว่าผู้ป่วยหยุดหายใจ ควรให้การช่วยเหลือ (เช่น เป่าปาก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ) จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล
แพทย์มักจะวินิจฉัยจากลักษณะอาการ (ชา และ กล้ามเนื้ออ่อนแรง) และประวัติการกินปลาปักเป้าเป็นสำคัญ
การรักษา ให้การรักษาขั้นพื้นฐานมักจะต้องรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และเฝ้าติดตามดูอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ จึงให้การรักษา แบบประคับประคองและแก้ไขตามอาการที่พบต่อไปเช่น ในรายที่หายใจไม่ได้ ต้องใส่ท่อหายใจ และใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าพิษจะถูกขับออกจากร่างกายจนหมด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 9-12 ชั่วโมง
ผลการรักษา หากได้รับการช่วยเหลือได้ทัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ไขอาการหายใจไม่ได้เนื่องจาก กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต)ผู้ป่วยมักจะรอดชีวิต และ ฟื้นหายเป็นปกติภายใน 24-48 ชั่วโมง