ถ้าพบผู้ป่วยมีภาวะช็อก ควรรีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ระหว่างนั้นควรให้การรักษาขึ้นต้น
แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลทำการค้นหาสาเหตุโดยการตรวจเลือดปัสสาวะ เอกซเรย์คลื่นหัวใจ และตรวจพิเศษอื่น ๆ
การรักษา ให้การรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้น้ำเกลือนอร์มัลหรือริงเกอร์แล็กเทตให้เลือด ใส่ท่อ หายใจ ให้ออกซิเจน เป็นต้น
ในรายที่ให้สารน้ำแล้วความดันโลหิตยังต่ำ แพทย์จะให้สารกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดเลือด เช่น โดบูทามีน (dobutamine) โดพามีน (dopamine) หรือ นอร์เอพิเนฟรีน (norepinephrine)
นอกจากนี้จะให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น
- ให้ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ
- ผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นครรภ์นอกมดลูก
- ให้การรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายแบบฉุกเฉิน
- เช่น การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบัลลูน
- สำหรับภาวะช็อกจากต่อมหมวกไตบกพร่อง เฉียบพลัน ฉีดไฮโดรคอร์ติโซน 100 มก.เข้าหลอดเลือดดำทุก 6 - 8 ชั่วโมง
- สำหรับภาวะช็อกจากการแพ้ ฉีดอะดรีนาลิน โดยผสมยานี้ 0.1 มล.ในน้ำเกลือ10 มล.ฉีดเข้าหลอดเลือดดำใน 5 -10 ฉีดไดเฟนไฮดรามีน 25 - 50 มก.(เด็กให้ขนาด 1 มก./กก.) เข้าหลอดเลือดดำ ฉีดรานิทิดีน 50 มก.(เด็กให้ขนาด 0.5 มก./กก.) เข้าหลอดเลือดดำ และฉีดเมทิลเพร็ดนิโซโลน 125 มก.(เด็กให้ขนาด 1-2 มก./กก) เข้าหลอดเลือดดำ
ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค และระยะ ของโรคที่เริ่มให้การรักษา ถ้าสามารถให้การรักษาตั้งแต่ ระยะแรกเริ่มในขณะที่มีอาการรุนแรงไม่มาก ก็มักจะได้ ผลดีหรือหายเป็นปกติ ถ้าสามารถให้การรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มในขณะที่มีอาการรุนแรงไม่มาก ก็มักจะได้ผลดีหรือหายเป็นปกติ แต่ถ้าปล่อยให้อวัยวะสำคัญขาด เลือดจนเกินภาวะล้มเหลว ก็มักจะเสียชีวิต โดยทั่วไปภาวะช็อกที่มีสาเหตุจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะโลหิตเป็นพิษ มักมีอัตราตายค่อนข้างสูง