ถ้าพบผู้ป่วยมีไข้และมีประวัติว่าก่อนหน้านี้ภายใน 10 วันเดินทางกลับจากพื้นที่ทีมีการระบาดของโรคนี้ หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่สงสัยเป็นโรคนี้ ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยเร็ว
แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจหาร่องรอยของไวรัสซาร์สในเลือด น้ำลายหรือเสมหะด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น reverse transcriptase polymerase chain reaction (RT-PCR) ELISA การแยกเชื้อในเซลล์เพาะเลี้ยง (cell culture) microneutralization test เป็นต้น
นอกจากนี้ อาจตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด อาจพบว่ามีจำนวนเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ เอนไซม์ตับ (AST, ALT) สูงกว่าปกติ 2 – 6 เท่า creatine phosphokinase สูงกว่าปกติ การเอกซเรย์ปอดอาจพบร่องรอยของปอดอักเสบ
ถ้าตรวจพบหรือสงสัยเป็นโรคนี้มักจะต้องรับตัว ผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และแยกตัวไม่ให้แพร่เชื้อให้ผู้อื่น
การรักษา ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโดยจำเพาะ เพียงให้การรักษาตามอาการ ถ้ามีอาการหายใจลำบากก็ใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะพ้นขีดอันตราย
ในประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ ได้มีการทดลองให้ยาต้านไวรัส (เช่น interferon, ribovirin, oseltamivir, lopinavir/ritonavir) ร่วมกับยาสตีรอยด์ และบางรายให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมอาการปอดอักเสบ วิธีการเหล่านี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิผลของการรักษา