บุหรี่ไฟฟ้า: เปิดข้อมูลนักวิจัย 38 คนยันบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยเลิกบุหรี่

ข่าวสุขภาพ อัพเดต สาธาณสุข

38 นักวิจัยจากทั่วโลกยืนยันบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยเลิกบุหรี่ ซ้ำเสี่ยงเสพติดนิโคติน หมอประกิต ย้ำไม่ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยเลิกบุหรี่

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีงานวิจัยใหญ่ 2 ชิ้นที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ PLOS ONE (ตีพิมพ์ 2 ก.ย. 63) และ American Journal of Epidemiology (ตีพิมพ์ 27 ก.ค. 63) ซึ่งเป็นความร่วมมือของนักวิจัย 38 คนจากสถาบันต่างๆ ทั่วโลก เช่น มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก, มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก, องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ, สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ, มหาวิทยาลัยการแพทย์เซาท์แคโรไลน่า และ มหาวิทยาลัยวอร์เตอร์ลู แคนาดา เป็นต้น นักวิจัยใช้ข้อมูลจากการสำรวจประชากรเรื่องบุหรี่กับสุขภาพของสหรัฐฯ หรือ Population Assessment of Tobacco and Health (PATH) Study ซึ่งถือเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 45,971 คนทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2556 และมีการเก็บข้อมูลต่อเนื่องทุกปีจนถึงปัจจุบัน

ดร.พญ.เริงฤดี งานวิจัยทั้ง 2 ชิ้น ได้เปรียบเทียบผลของการเลิกสูบบุหรี่โดยใช้บุหรี่ไฟฟ้ากับไม่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า (ใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่ หรือใช้วิธีหักดิบ) ของผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำและสูบเป็นครั้งคราว โดยติดตามผลอย่างน้อย 12 เดือน พบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ดีกว่าการที่ไม่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยพบว่า 2 ใน 3 ของกลุ่มที่เลิกสูบบุหรี่ธรรมดา หลังจากเปลี่ยนมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ กลายเป็นยังคงติดนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่ง ดร. คาเรน เมสเซอร์ นักวิจัยอาวุโสของงานวิจัยทั้งสองชิ้นกล่าวว่า ผลวิจัยชี้ชัดว่าผู้สูบบุหรี่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพราะการใช้บุหรี่ไฟฟ้าหรือไม่ใช้ ไม่มีผลต่อการเลิกสูบบุหรี่ และการไม่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในการช่วยเลิกบุหรี่ยังทำให้ผู้สูบบุหรี่เอาชนะการเสพติดนิโคตินได้อย่างแท้จริง

ที่สำคัญพบว่ากลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ไม่ใช่ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนเกิดการเสพติดนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า จากข้อมูลในสหรัฐฯ พบการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นเพิ่มขึ้นกว่า 900% ระหว่างปี 2554-2561 พบอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กม.ปลายพุ่งถึง 27.5% เทียบกับอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในผู้ใหญ่ที่มีเพียง 3.2% ซึ่งปรากฏการณ์ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นสหรัฐฯนี้ทำให้หลายประเทศประกาศแบนบุหรี่ไฟฟ้า

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ
[Total: 4 Average: 5]

Leave a Reply