วัตถุประสงค์
1.เพื่อประเมินขนาด โครงสร้าง และตำแหน่งของไต
2.เพื่อตรวจสอบหาความผิดปกติ เช่น นิ่วในไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะเป็นต้น
การเตรียมผู้ป่วย
1.บอกผู้ป่วยว่าการตรวจนี้ช่วยประเมินระบบทางเดินปัสสาวะที่ผิดปกติ
2.บอกผู้ป่วยว่าไม่ต้องงดน้ำงดอาหาร จะใช้เวลาในการตรวจเพียง 2 ถึง 3 นาที
การตรวจและการดูแลภายหลังตรวจ
1.จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายอยู่ในแนวตัวตรงบนเตียงเอกซเรย์ยกแขนไว้เหนือศีรษะ และจัดให้ขอบของกระดูกเชิงกราน (iliac crests) สมมาตรกัน
ทั้ง 2 ข้าง
2.ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายและยกแขนขวาขึ้น
3.ถ่ายภาพเอกซเรย์เพียงครั้งเดียว
ข้อควรระวัง
ผู้ป่วยชายควรจะใส่แผ่นตะกั่วปิดอวัยวะสืบพันธุ์ (gonadal shielding) เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี และการระคายเคืองต่ออัณฑะ (testis)
ผลการตรวจที่เป็นปกติ
พบเงาของไตทั้ง 2 ข้าง ด้านขวาอยู่ต่ำกว่าด้านซ้ายเล็กน้อย ไตทั้งสองข้างมีขนาดเท่า ๆ กัน ท่อไตจะเห็นได้เมื่อมีความผิดปกติ เช่น นิ่ว การที่จะมองเห็น กระเพาะปัสสาวะได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผนังกล้ามเนื้อและปริมาณ ของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ โดยทั่วไปเงาของกระเพาะปัสสาวะสามารถเห็นได้ แต่เห็นไม่ชัดเท่าเงาของไต
ผลการตรวจที่ผิดปกติ
ไตทั้งสองข้างใหญ่ อาจเกิดจากโรคถุงน้ำดีในไต (Polycystic disease)โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัลติเพิลมัยอิโลมา (Multiple myeloma) มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) โรคอะไมลอยด์โดซิส (Amyloidosis) โรคเบาหวาน (Diabetes) ไตบวมน้ำ (Hydronephrosis)
ไตโตข้างเดียว อาจเกิดจากเนื้องอก ถุงน้ำหรือไตบวมน้ำ
ไตเล็กผิดปกติ อาจเกิดจากโรคหลอดเลือดฝอย ที่ไตอักเสบระยะสุดท้าย (End – stage Glomerulonephritis) หรือกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)
ไตขนาดเล็กลงข้างเดียว อาจเกิดจากกรวยไตอักเสบ ที่เกิดจากการฝ่อ (Atrophic pyelonephritis) หรือขาดเลือดไปเลี้ยง
การเปลี่ยนไต อาจเนื่องจากมีก้อนเนื้องอกจากเยื่อบุช่องท้องด้านหลัง (Retroperitoneal tumor) เช่น มีก้อนที่ต่อมหมวกไต (Adrenal tumor)
มีการโป่งพองของกล้ามเนื้อหน้าท้องอาจเป็นผลมาจากเนื้องอก ฝี หรือการฟกช้ำ
ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น ไตตั้งอยู่ผิดที่ หรือไม่มีไต ซึ่งอาจพบได้
อาจพบนิ่ว หรือมีแคลเซียมเกาะหลอดเลือด เนื่องจากการโป่งพองของหลอดเลือด (aneurysm) หรือเนื่องจากมีถุงไขมัน (atheroma) การสะสมหินปูนในเนื้อเยื่อ (calcification) อาจพบในระบบปัสสาวะได้