หากมีอาการน่าสงสัย เช่น มีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์น้ำหนักลด ไอมีเสมหะเหลืองหรือเขียวเกิน 3 สัปดาห์ ไอเป็นเลือด เป็นต้น ควรส่งผู้ป่วยไปตรวจที่โรงพยาบาล
การวินิจฉัย วินิจฉัยโดยการเอกซเรย์ปอด และการตรวจเสมหะโดยวิธีย้อมสีแอซิดฟาสต์ (acid faststain) อย่างน้อย 3 ครั้ง จะวินิจฉัยเป็นวัณโรคปอดเมื่อตรวจเสมหะให้ผลบวก (พบเชื้อวัณโรค) อย่างน้อย 2 ครั้ง หรือตรวจเสมหะให้ผลบวก 1 ครั้ง ร่วมกับมีรอยโรคในปอดจากภาพถ่าวรังสี ถ้าตรวจเสมหะให้ผลลบ (ไม่พบเชื้อวัณโรค) แพทย์จะพิจารณาจากภาพถ่ายรังสีเป็นสำคัญ
บางกรณีอาจต้องทำการทดลองสอบผิวหนังดังที่เรียกว่า การทดสอบทูเบอร์คูลิน (tuberculin test) นำเสมหะไปเพาะหาเชื้อ การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อวัณโรคโดยเทคนิค PCR (polymerase chain reaction) เป็นต้น
การรักษา เมื่อตรวจพบว่าเป็นวัณโรคปอด ควรให้การดูแลรักษา ดังนี้
ผู้ป่วยวัณโรคปอดที่เป็นเอดส์และกินยาต้านไวรัสเอดส์อยู่ ซึ่งมีข้อควรระวังในการใช้ยาไรแฟมพิซิน จะใช้สูตรยา 9 เดือน โดย 2 เดือนแรกให้ยา 4 ชนิด ได้แก่ ไอเอ็นเอช อีแทมบูทอล สเตรปโตไมซิน และไพราซินาไมด์ และอีก 7 เดือนต่อมาให้ยา 3 ชนิดได้แก่ ไอเอ็นเอช สเตรปโตไมซิน และไพราซินาไมด์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง