โรคเท้าช้าง (Elephantiasis) คือ โรคที่เกิดจากพยาธิตัวกลมซึ่งมีอยู่สามชนิดคือ
- Wuchereria bancrofti (เป็นชนิดที่พบมากที่สุดในไทย)
- Brugia malayi
- Brugia Timoli
โดยพยาธิตัวกลมประเภทนี้อาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลืองของคน ซึ่งมียุงเป็นพาหะนำโรค เมื่อผู้ป่วยถูกยุงที่มีเชื้อนี้กัน จะทำให้เกิดภาวะระบบน้ำเหลือบกพร่อง เช่น ท่อน้ำเหลืองอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ท่อน้ำเหลืองขยาย พร้อมกับมีอาการอุดตันที่ท่อทางเดินน้ำเหลือง ก่อให้เกิดพังผืดและมีน้ำเหลืองคั่ง และส่งผลให้อวัยวะที่เป็นโรคบวมโต ที่เรียกว่าโรคเท้าช้าง โรคนี้อาจจะทำให้ถุงอัณฑะในเพศชายเกิดอาการบวมได้เช่นกัน รวมไปถึงกับอาการมีไข้
โรคเท้าช้างมีชื่อที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Lymphatic Filariasis หรือ elephantiasis พบมากประเทศโซนเขตร้อน ได้แก่ อินเดีย พม่า มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย จีนตอนใต้ ญี่ปุ่น เกาหลี อัฟริกาสำหรับประเทศไทยพบได้แถบภาคใต้ ชายแดนใกล้พม่า ทั่วโลกมีคนที่ติดเชื้อประมาณ 120 ล้านคน และส่งผลให้ผู้ป่วยอยู่ในภาวะความพิการ
สาเหตุ โรคเท้าช้าง
โรคเท้าช้างเกิดจากจากพยาธิตัวกลมที่แพร่กระจายโดยยุง ที่พบมากคือ
- Wuchereria bancrofti
- Brugia malayi
- Brugia timori
พยาธิตัวกลมจะส่งผลกระทบต่อระบบน้ำเหลืองในร่างกาย ระบบน้ำเหลืองมีหน้าที่ในการกำจัดของเสียและสารพิษ หากมันถูกบล็อกก็จะไม่กำจัดของเสียได้อย่างถูกต้อง สิ่งนี้นำไปสู่การกักกั้นของเหลวน้ำเหลืองซึ่งทำให้เกิดอาการบวม
อาการ โรคเท้าช้าง
อาการเท้าช้างที่พบบ่อยที่สุดคืออาการบวมของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาการบวมมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นใน บริเวณดังต่อไปนี้:
- ขา
- องคชาต
- หน้าอก
- แขน
ขาเป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อาการบวมและการขยายของส่วนต่างๆของร่างกายอาจนำไปสู่ปัญหาความเจ็บปวดและการเคลื่อนไหว
ผิวหนังยังได้รับผลกระทบและอาจจะเป็น:
- ผิวแห้ง
- ผิวหนา
- ผิวเป็นแผล
- ผิวคล้ำมืดกว่าปกติ
- ผิวเป็นหลุม
บางคนมีอาการเพิ่มเติมเช่นมีไข้และหนาวสั่น
การรักษา โรคเท้าช้าง
- ให้ยาต้านปรสิต เช่น diethylcarbamazine (DEC), mectizan, and albendazole (Albenza)
- รักษาสุขอนามัยที่ดีในการทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
- การยกระดับพื้นที่ได้รับผลกระทบ
- ดูแลพื้นทีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค
- ออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์
- อาจจะต้องทำการผ่าตัดในกรณีที่รุนแรงซึ่งได้รับผลกระทบหรือการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อน้ำเหลืองที่ได้รับผลกระทบออกไป
การดูแลส่วนที่บวม
- ล้างส่วนที่บวมด้วยน้ำและสบู่วันละ 2 ครั้ง
- ยกอวัยวะส่วนนั้นในเวลานอน
- ให้ออกกำลังส่วนที่บวมเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ตัดเล็บให้สั้น
- สวมรองเท้า
- หากมีแผลเล็กน้อยให้ทาด้วยยาปฏิชีวนะ
สำหรับผู้ที่มีนำเหลืองไหลก็ให้รับประทานอาหารที่มีน้ำมากและมีสารอาหารสูง
การรักษาอาจจะต้องรวมไปถึงการดูแลในทางด้านอารมณ์และจิตใจ