การผ่าตัดลอกต้อเนื้อควรทำผ่านกล้องผ่าตัดโดยจักษุแพทย์ เพราะหลังจากลอกต้อเนื้อไปแล้วในบางรายอาจกลับเป็นใหม่ได้ ซึ่งมักเป็นมากกว่าเดิม ต้อเนื้อที่ขึ้นใหม่นี้จะแดงหนาและอักเสบมากกว่าเดิม และการรักษาโดยการลอกใหม่อีกครั้งจะยากกว่าการลอกครั้งแรกด้วย ดังนั้นการดูแลหลังผ่าตัด เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
การผ่าตัดลอกต้อต้อเนื้อมี 2 วิธีคือ
1.ลอกต้อเนื้อ (Bare sclera) โดยบริเวณที่ลอกไว้เนื้อเยื่องอกกลับมาคลุมเอง ใช้เวลาไม่มากในการทำผ่าตัด ไม่ใช้อุปกรณ์มากโอกาสที่จะเกิดการเป็นซ้ำใหม่ได้มากกว่าวิธีปลูกเนื่อเยื่อ
2.ลอกต้อเนื้อ และปลูกเนื่อเยื่อในบริเวณที่ลอกต้อเนื้อออกไป (Conjunctival graft) การผ่าตัดวิธีนี้เนื้อเยื่อที่ใช้ปลูกจะเป็นเนื้อเยื่อจากรกหรือเยื่อบุตาของคนไข้เองก็ได้ เวลาผ่าตัดนานกว่าการลอกต้อเนื้อธรรมดา แต่ข้อดีคือเกิดต้อเนื้อใหม่น้อยมาก
ทางเลือกการรักษาอื่น
ไม่มียาหยอดตาที่ใช้รักษาต้อเนื้อให้หายได้ ยาที่แพทย์ใช้เป็นยาช่วยลดอาการอักเสบเท่านั้น ไม่ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ยาหมด ควรกลับมาปรึกษาแพทย์ ไม่ควรซื้อยาหยอดต่อเนื่องนานๆ อาจเกิดผลข้างเคียงมีภาวะเป็นต้อหินซึ่งเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้มองไม่เห็นได้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดต้อเนื้อ
- ต้องหยุดยาละลายลิ่มเลือด 7 วัน ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ล้างหน้า สระผมเช้าวันเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากห้ามโดนน้ำ 7 วันหลังผ่าตัด
- ไม่ควรแต่งหน้าหรือทาแป้งในเช้าวันผ่าตัด
- การทำผ่าตัดลอกต้อเนื้อ ทำโดยการให้ยาชาเฉพาะที่ โดยก่อนทำการผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการหยอดยาชาและยาปฏิชีวนะก่อนเข้าห้องผ่าตัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ถ้าลอกเพียงอย่างเดียว จะใช้เวลาเพียง 10-15 นาที กรณีที่ใช้เยื่อบุตาแปะด้วย ใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาที (ต่อหัว)
การดูแลหลังการผ่าตัดต้อเนื้อ
- ห้ามโดนน้ำ 1 สัปดาห์ ไม่ต้องใช้ที่ครอบตา
- ปกติแพทย์จะให้ปิดตาแน่น ประมาณ 1 – 2 วัน เพื่อให้แผลที่กระจกตาสมานดี ช่วงแรกหากมีอาการปวดตามาก สามารถกินยาแก้ปวดได้ เช่น Paracetamol
- หลังจากแผลที่กระจกตาปิดแล้ว จะให้เริ่มหยอดยาปฏิชีวนะผสม Steroid เช่น Tobradex และอาจจะให้ใช้น้ำตาเทียมร่วมด้วยเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น