อีโบล่า (Ebola) เป็นไวรัสที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้โดยสามารถติดต่อและแพร่ระบาดและส่งต่อเชื้อโรคในหมู่สัตว์และมนุษย์ได้ โดยไวรัสอีโบล่าถูกพบครั้งแรกในปี 2519 ที่ประเทศซูดานและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก นักวิจัยตั้งชื่อโรคนี้ตามแม่น้ำอีโบล่า แต่เมื่อไม่นานมานี้โรคอีโบล่าจะถูกพบในแถบแอฟริกาเท่านั้น
แม้ว่าไวรัสอีโบล่าจะมีมานานกว่า 35 ปีแล้ว แต่การระบาดครั้งใหญ่ที่สุดเริ่มขึ้นในแอฟริกาตะวันตกในเดือนมีนาคม 2014 โดยการระบาดครั้งนั้นมีความร้ายแรงรุนแรงและแพร่กระจายมากกว่าการระบาดครั้งก่อน ๆ
อัตราการเสียชีวิตโดยเฉลี่ยของผู้ติดเชื้ออีโบล่าคือ 50 เปอร์เซ็นต์ ไวรัสบางสายพันธุ์มีอันตรายถึงชีวิตมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ยิ่งมีการวินิจฉัยการติดเชื้อเร็วเท่าไหร่แนวโน้มของผู้ป่วยที่ติดเชื้อสามารถมีเปอร์เซ็นต์การรักษาได้มากขึ้น
ผู้รอดชีวิตจากอีโบล่ามีแอนติบอดีต่อไวรัสเป็นเวลาประมาณ 10 ปี ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณมีไวรัสแล้วคุณไม่จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อ จนกว่าจะมีวัคซีนสิ่งสำคัญคือต้องระวังตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของอีโบล่า
สาเหตุ อีโบล่า
ไวรัสอีโบล่าอยู่ในตระกูลไวรัส Filoviridae นักวิทยาศาสตร์เรียกไวรัสชนิดนี้ว่า Filovirus โดยไวรัสประเภทนี้ทำให้เกิดไข้เลือดออก หรือมีเลือดออกมากทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ผู้ป่วยจะมีไข้สูง อีโบล่าสามารถแบ่งเป็นประเภทย่อยที่ได้รับการตั้งชื่อตามตำแหน่งที่ระบุ ซึ่งมีดังนี้ :
- บุนดิบุเกียว
- เรสตัน
- ซูดาน
- Taï Forest (เดิมเรียกว่าไอวอรีโคสต์)
- ซาอีร์
ไวรัสอีโบล่าอาจจะมีต้นกำเนิดมาจากค้างคาวแม่ไก่แอฟริกัน โดยมีเชื้อไวรัสที่เรียกว่า zoonotic virus เนื่องจากสามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ มนุษย์ยังสามารถถ่ายทอดไวรัสให้กันและกันได้ สัตว์ต่อไปนี้สามารถแพร่เชื้อไวรัสได้:
- ลิงชิมแปนซี
- ละมั่งป่า
- กอริลล่า
- ลิง
- เม่น
อาการ อีโบล่า
(CDC) อาการของอีโบล่ามักปรากฏภายใน 8 ถึง 10 วันหลังจากได้รับเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามอาการต่าง ๆ อาจปรากฏขึ้นได้ภายในสองวันหลังการได้รับเชื้อเช่นกัน หรือใช้เวลานานถึงสามสัปดาห์
โดยผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียมากมัก เป็นอาการแรกและเด่นที่สุด อาการอื่น ๆ ได้แก่:
- ท้องเสีย
- มีไข้
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ปวดท้อง
- เลือดออกไม่มีสาเหตุ ร่างกายช้ำโดยไม่มีสาเหตุ
- อาเจียน
หากคุณเคยสัมผัสหรือให้การดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้ออีโบล่าหรือสัตว์ที่ติดเชื้อและมีอาการใด ๆ คุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การรักษา อีโบล่า
ไวรัสอีโบล่ายังไม่มียารักษาหรือวัคซีนในขณะนี้ แต่จะรักษาตามอาการโดยแพทย์อาจทำการรักษาดังนี้:
- ให้ยาปรับความดัน
- ให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยที่ต้องการ
- ให้น้ำทางหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันการขาดน้ำ
- รักษาการติดเชื้อที่มี
- ป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้ออื่น ๆ