มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา (Melanoma)

มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา( Melanoma) คือมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่ง เกิดที่เซลล์เมลาโนไซต์ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเมลานิน(เม็ดสี) ที่ทำให้คนมีสีผิวต่างกันไป

ราว1% ของมะเร็งผิวหนังเป็นชนิดมะเร็งผิวหนังเมลาโนมามีชื่อเรียกอื่นๆเช่น malignant melanoma หรือ cutaneous melanoma.

หากตรวจพบในระยะแรกๆ ส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อการรักษาดี แต่ถ้าตรวจพบช้า จะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างง่ายดาย

ประเภท มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา

ประเภทที่พบบ่อยเป็นชนิดตื้นและแผ่กระจาย มักจะกระจายไปทั่วผิวหนัง ขอบไม่เรียบ และมีสีต่างๆเช่น ดำ ชมพูหรือแดง

เมลาโนมาชนิดก้อน เป็นอีกชนิดหนึ่งที่โตขยายลึกลงไปในชั้นผิวหนัง มักจะเห็นเป็นก้อนนูน

เมลาโนมาชนิด Lentigo maligna มักเกิดกับส่วนของร่างกายที่ถูกแสงแดดมาก เช่น ใบหน้า มักเกิดในผู้สูงอายุ จะเห็นเป็นแผ่นดำขอบไม่เรียบที่ใบหน้า

เมลาโนมากระจาย คือเมื่อเซลล์มะเร็งกระจายไปสู่ส่วนอื่นๆของร่างกายเช่น ต่อมน้ำเหลือง อวัยวะต่างๆ และกระดูก

มะเร็งผิวหนังเมลาโนมาชนิดหายากนั้น นอกจากจะเกิดที่ผิวหนังแล้ว ยังเกิดในเนื้อเยื่อภายในของร่างกาย และดวงตา

เมลาโนมาของเยื่อบุ เกิดที่เยื่อบุต่างๆเช่น

  • ทางเดินอาหาร
  • ปาก
  • จมูก
  • ทางเดินปัสสาวะ
  • ช่องคลอด

เมลาโนมาที่ดวงตา เกิดที่ชั้นใต้ตาขาว

สาเหตุ มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา

ปกติ ผิวหนังใหม่จะเติบโตและดันเซลล์ผิวหนังเก่าที่ตายแล้วออกไป(เป็นขี้ไคล) ถ้าเกิดความเสียหายของ DNA ในเซลล์เม็ดสี ทำให้เซลล์ผิวหนังที่เกิดใหม่เติบโตมากเกินไป ทำให้เกิดมะเร็ง

ยังไม่แน่ชัดว่า ทำไม DNA จึงเสียหายได้ อาจเกิดจากทั้งพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม

สาเหตุหลักอาจจะเกิดจากการถูกรังสีอัลตร้าไวโอเลต ซึ่งรังสีนี้มาจากแสงอาทิตย์ และแสงจากการทำผิวสีแทน

อาการ มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา

อาการและอาการแสดงเริ่มแรกของเมลาโนมาคือ

  • ไฝ(ที่มีอยู่แล้ว)เปลี่ยนแปลงไป เช่นโตขึ้น แผ่ขยายมากขึ้น
  •  มีจุดบนผิวหนังและขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว

หากเมลาโนมานั้นยังผลิตเม็ดสีได้ ก้อนก็จะมีสีน้ำตาลหรือดำ แต่เมลาโนมาบางอันก็ไม่ผลิตเม็ดสี ก้อนจึงอาจเป็นสีน้ำตาลอ่อน ชมพูหรือขาว

วิธีสังเกตว่าไฝนั้นอาจเป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาคือ

  • รูปร่างไม่แน่นอน
  • ขอบไม่เรียบ
  • ก้อนไฝสีไม่เสมอกันหรือมีหลายสี
  • ขนาดใหญ่กว่า ¼ นิ้ว
  • ขนาด รูปร่างหรือสีของไฝ เปลี่ยนแปลงไป
  • คันหรือมีเลือดออก

มะเร็งผิวหนังเมลาโนมาเกิดที่ผิวหนังได้ทุกที่ แต่ที่พบบ่อยคือ

  • ในผู้ชาย พบที่หน้าอกและหลัง
  • ผู้หญิง ที่ขา
  • คอ
  • ใบหน้า

อาจเพราะบริเวณนี้ถูกแสงแดดมากกว่าผิวหนังบริเวณอื่น แต่เมลาโนมาก็อาจเกิดบริเวณที่ไม่ค่อยถูกแสงอาทิตย์ เช่น ส้นเท้า ฝ่ามือ และซอกนิ้วได้ บางครั้งผิวหนังก็ดูเหมือนปกติแม้ว่าจะมีเมลาโนมาเกิดขึ้นแล้ว

การรักษา มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา

การรักษาขึ้นกับระยะของมะเร็ง

ระยะ 0

มะเร็งอยู่ที่ชั้นบนของผิวหนัง ตัดออกได้ง่าย ไม่ต้องรักษาเพิ่ม

ระยะ 1 และ 2

ชั้นบางๆของเมลาโนมานั้นตัดออกให้หมดได้ง่าย แต่ถ้าเซลล์มะเร็งลงไปลึกกว่านั้น อาจต้องการการผ่าตัดออก โดยการตัดส่วนที่เป็นมะเร็งและขอบที่เป็นผิวหนังปกติ รวมถึงชั้นใต้บริเวณนั้นด้วย

เมลาโนมาระยะแรกๆไม่ต้องรักษาใดๆเพิ่ม

 ระยะ 3 และ 4

เมลาโนมาระยะ 3 จะกระจายออกจากจุดเริ่มต้น ไปที่ต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง ต้องผ่าตัดแบบกว้าง เพื่อเอาก้อนและต่อมน้ำเหลืองที่มีเซลล์มะเร็งออก

เมลาโนมาระยะที่ 4 มะเร็งจะกระจายไปไกลกว่านั้น นอกจากจะตัดก้อนมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองที่มีเซลล์มะเร็งแล้ว ต้องตัดก้อนมะเร็งที่กระจายไปที่อวัยวะภายในอื่นๆด้วย มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับจำนวน ขนาด และบริเวณที่มีก้อน

ระยะที่ 3 และ 4 ต้องมีการรักษาเพิ่มเติม เช่น

  • การรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน interferon หรือ interleukin-2 หรือ checkpoint inhibitors, เช่น ipilimumab (Yervoy), nivolumab (Opdivo), และ pembrolizumab (Keytruda).
  • การรักษาตรงเป้า สำหรับมะเร็งที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน  BRAF เช่น cobimetinib (Cotellic), dabrafenib (Tafinlar), trametinib (Mekinist),และ vemurafenib (Zelboraf).
  • วัคซีน เข่น Bacille Calmette-Guerin (BCG) และ T-VEC (Imlygic).
  • รังสีรักษา (ฉายแสง) เพื่อลดขนาดของก้อนและฆ่าเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่หลังจากการผ่าตัด และยังช่วยลดอาการเนื่องจากมะเร็งกระจายไปที่อวัยวะอื่น
  • Isolated limb perfusion คือการให้สารเคมีบำบัดชนิดร้อนที่บริเวณแขนหรือขาที่เป็นมะเร็ง
  • เคมีบำบัด เช่นdacarbazine (DTIC) และ temozolomide (Temodar) เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่กระจายไปทั่วร่างกาย

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันและการรักษาแบบตรงเป้า ยังไม่พิสูจน์ว่ารักษาเมลาโนมาได้ แต่ช่วยยืดอายุได้

การให้เคมีบำบัด ช่วยลดขนาดมะเร็ง แต่กลับมาเป็นได้อีกในเวลา 2-3 เดือน

การรักษาแต่ละแบบนั้นมีผลข้างเคียงต่างกันไป บางครั้งผลข้างเคียงก็รุนแรงมาก ควรต้องปรึกษากับแพทย์ก่อน

[Total: 0 Average: 0]