หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) คือโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum โรคหูดข้าวสุก ที่ทำให้เกิดตุ่มหูดเนื้อนูนออกมาจากผิวหนัง โดยหูดข้าวสุก เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่สามารถส่งต่อไปยังบุคคลอื่นได้
สาเหตุ หูดข้าวสุก
ผิวหนังเกิดการติดเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxvirus และผู้ป่วยสามารถติดหูดข้าวสุกจากการสัมผัสผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้โดยตรงทางผิวหนังบริเวณที่เป็นหูดข้าวสุก หรือการใช้สิ่งของร่วมกันเช่น ผ้าขนหนู หรือของใช้อื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วจะมีการส่งผ่านเชื้อกันได้ง่ายในเด็กระหว่างกิจกรรมที่ทำร่วมกันโดยไม่ได้ระมัดระวัง การแบ่งปันของเล่น ในส่วนของผู้ใหญ่อาจจะติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือการเล่นกีฬาที่ต้องเกิดการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรง เมื่อไปสัมผัสโดนเชื้อไวรัสนั้นก็จะได้รับเชื้อมาทันที และเมื่อรับเชื้อเข้ามาแล้วเชื้อสามารถแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายได้โดยการ สัมผัสส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
อาการ หูดข้าวสุก
เมื่อผู้ป่วยรับเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum เข้ามาสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายอาจจะยังไม่แสดงอาการในทันที บางครั้งอาจจะนานถึง 6 เดือน แต่ระยะฟักตัวของเชื้อใช้เวลาประมาณ 2-7อาทิตย์ และกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะภูมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนแอ หรือบกพร่อง อาจจะส่งผลให้อาการมีความรุนแรงมากขึ้น และตุ่มหูดข้าวสุกอาจจะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้นและยากต่อการรักษา
และเมื่อเกิดอาการคุณอาจจะพบตุ่มเนื้อเกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง อาจจะเป็นตุ่มเดียวหรือหลาย ๆ ตุ่ม อยู่บริเวณเดียวกัน ตุ่มหูดข้าวสุกนี้จะไม่มีอาการเจ็บ โดยจะมีลักษณะดังนี้
- มีขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร
- เกิดเป็นสีเดียวกับผิว หรือสีชมพูอ่อน ๆ
- มีตุ่มเนื้อนูนกลมที่มีรอยบุ๋มอยู่ตรงกลาง
- สามารถเกิดได้ทุกบริเวณของร่างกาย ยกเว้นฝ่ามือและฝ่าเท้า
- มีของเหลวเหนียวอยู่ภายในตุ่มเนื้อ
- ตุ่มเนื้อของผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจจะมีขนาดใหญ่ถึง 15 มิลลิเมตร
การรักษา หูดข้าวสุก
โดยทั่วไปแล้วหูดข้าวสุกจะหายได้เองภายในระยะเวลา 6-12 เดือน แต่การรักษาอาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเนื่องจากจะสามารถลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปยังบุคคลอื่นได้ ในกรณีผู้ป่วยมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือภูมิคุ้มกันบกพร่องการรักษาเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากหากผู้ป่วยมีอาการดังนี้
- เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
- เชื้อแพร่กระจายไปบริเวณอื่น ๆ
- เป็นหูดข้าวสุกขนาดใหญ่บริเวณใบหน้าหรือลำคอ
โดยแพทย์อาจจะพิจารณาการรักษาดังนี้
- การให้ยาชนิดรับประทานจำพวก cimetidine ซึ่งเป็นยารักษาหูดข้าวสุก
- การจี้ด้วยไนโตรเจนเหลว
- การใช้เลเซอร์ในการรักษา
- การขูดเนื้อเยื่อเพื่อเอาหูดข้าวสุกออก
- ใช้ยาทาหูดข้าวสุก จำพวก ซึ่งบางจำพวกอาจจะมีฤทธิ์เป็นกรด podophyllotoxin tretinoin, imiquimod, potassium hydroxide, cantharidin, trichloroacetic acid, Condylox, cantharidin
ในการรักษาอาจจะต้องอาศัยระยะเวลา หรือต้องทำการรักษามากกว่าหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณและขนาดของหูดข้าวสุก หากผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตรควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือติดเชื้อ HIV รวมไปถึงผู้ป่วยโรคมะเร็ง เมื่อเป็นหูดข้าวสุกควรรับการรักษา แต่การรักษาอาจจะเป็นไปได้ยากกว่าผู้ป่วยปกติทั่วไป โดยอาจจะมีทางเลือกการรักษาดังนี้
Antiretroviral therapy เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV