เครื่องกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็ก (Peripheral Magnetic Stimulation: PMS)

เครื่องกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็ก (Peripheral Magnetic Stimulation: PMS) คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่ใช้รักษาอาการปวด โดยใช้พลังงานจากคลื่นแม่เหล็ก ที่สามารถกระตุ้นทะลุผ่านเสื้อผ้าลงไปถึงเนื้อเยื่อและกระดูกได้ลึกประมาณ 10 ซม. คลื่นจาก PMS จะกระตุ้นที่เส้นประสาทโดยตรง ทำให้เกิดกระบวนการ Depolarization กระตุ้นเนื้อเยื่อบริเวณที่ปวดและช่วยกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตบริเวณกล้ามเนื้อดียิ่งขึ้น ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะโดยรอบ รู้สึกผ่อนคลายในขณะรักษา

Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) คือ วิธีการกระตุ้นประสาทส่วนปลายด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นเทคนิคการบำบัดรักษาอาการปวด ชา และอาการทางประสาทต่าง ๆ ด้วยการส่งคลื่นไปกระตุ้นเนื้อเยื่อ และการไหลเวียนของเลือดในตำแหน่งนั้น ๆ โดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของอวัยวะโดยรอบ

PMS สามารถบำบัดได้ทั้งอาการที่ปวดจากระบบเส้นประสาทและไม่ใช่เส้นประสาท เช่น กล้ามเนื้อ หรือกระดูก

ใช้เวลาครั้งละ 5-30 นาที ส่วนจำนวนครั้งในการรักษาขึ้นกับอาการและแพทย์พิจารณา ตัวเครื่องมีความปลอดภัยสูงได้รับการรับรองจาก FDA

การรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยเครื่องกระตุ้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS มีหลักการทำงาน คือ เครื่องจะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความแรงสูง ทะลุผ่านเสื้อผ้าลงไปจนถึงกระดูกหรือกล้ามเนื้อชั้นลึก ๆ ที่ต้องการกระตุ้น

จากนั้น เครื่องจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดเกิดการหดและคลายตัวสลับกันตามความถี่ที่กำหนดไว้ คล้ายกับการสั่นที่กล้ามเนื้อ จึงช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในบริเวณที่ถูกกระตุ้น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายในขณะรักษา

นอกจากนี้ PMS ยังช่วยฟื้นฟูความบกพร่องในการทำงานของระบบประสาท ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของระบบประสาท (Neuroplasticity) ที่ผิดปกติให้กลับมาเป็นปกติได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บปวดเรื้อรังของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี

ความเป็นมาของนวัตกรรมการรักษาโรคด้วย PMS

การใช้เครื่องมือกระตุ้นด้วยแม่เหล็กเพื่อการรักษาได้มีมาอย่างยาวนาน แต่ในอดีตอุปกรณ์ที่สร้างคลื่นแม่เหล็ก ให้คลื่นแม่เหล็กได้ต่ำมาก และยังไม่ทะลุทะลวง ทำให้การรักษายังไม่ได้ผลดีนัก
ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่ผลิตคลื่นแม่เหล็กความแรงสูงได้แล้ว จึงเริ่มมีการนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคสมองและระบบประสาท ในรูปแบบของเครื่องที่สร้างสนามแม่เหล็กกำลังสูงไปกระตุ้นสมอง เรียกเทคนิคดังกล่าวว่า Transcranial Magnetic Stimulation หรือ TMS

โรคที่เป็นข้อบ่งชี้ที่ใช้ตัวการรักษาแบบ PMS/TMS หรือการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็ก สามารถแบ่งง่าย ๆ เป็นประมาณ 4 กลุ่มโรค คือ

  1. กลุ่มอัมพฤษ์ อัมพาต ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ (Stroke) เกิดจากการบาดเจ็บในสมอง (Traumatic Brain Injury) เกิดจากการบาดเจ็บของไขสันหลัง (Spinal Cord Injury) กลุ่มนี้จะเป็นลุ่มใหญ่ที่จะสามารถใช้เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กมาบำบัดรักษาแล้วเร่งรัดทำให้อาการฟื้นตัวของอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต เหล่านี้ดำเนินต่อเนื่องต่อไป แล้วก็มีการฟื้นตัวทุก ๆ ครั้งที่มีการรักษา คงได้ยินเรื่องราวของอัมพฤกษ์อัมพาตว่าหลังจาก 6 เดือน ไปแล้วหรือว่า 1 ปี ไปแล้วอาการที่ฟื้นตัวมามักจะคงที่ แต่การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กนี้ทำให้การฟื้นตัวดำเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่แบบ excellent หรือว่ากระตุ้นทีเดียวหายก็ตามแต่ความรู้สึกของผู้ป่วยหรือการตรวจจากแพทย์จะรู้ได้เลยว่าอาการอัมพฤกษ์อัมพาตต่างๆ เหล่านั้นมีความคืบหน้ามีผลต่อการรักษาที่ชัดเจน ทุกครั้งไป
  2. กลุ่มโรคกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง คือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโรคที่เกี่ยวกับแนวไขสันหลังโดยตรง การเสื่อมของกระดูกสันหลัง การเสื่อมของหมอนรองกระดูก การเคลื่อนตัวของหมอนรองกระดูก ทั้งหมดจะมีผลต่อตัวเส้นประสาทที่เป็นรากประสาทจากไขสันหลังหรือกระทั่งว่าจะเกิดจากการบาดเจ็บที่ไขสันหลังโดยตรงด้วยก็ได้ จริงๆ แล้วตัวการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กจะสามารถรักษากลุ่มปวดที่เกิดขึ้นจากแนวสันหลังได้ผลเฉียบขาดยิ่งกว่าการรักษาด้วยเครื่องมืออื่น เนื่องจากว่าการกระตุ้นด้วยแม่เหล็กจะสามารถกระตุ้นลึกลงไปจนกระทั่งถึงรากประสาทได้ โดยไม่มีเครื่องไหนทำได้ดีเท่านี้ในขณะนี้
  3. กลุ่มปวดต่าง ๆ การบำบัดปวดที่เป็นเรื่องราวของการเคล็ดยอก การบาดเจ็บหรือเรื่องราวของการใช้งานเรื้อรังที่เกิดขึ้นตามตัว ซึ่งอาจเกิดจากตัวกล้ามเนื้อ ตัวเอ็น พังผืดหรืออาจเกิดจากการบาดเจ็บของตัวเส้นประสาทโดยตรงก็ตาม ไม่ว่าอาการปวดจะเกิดขึ้นตามคอ บ่า ข้อศอก แขน มือ เอว หลัง สะโพก ขา เข่า หรือแม้กระทั่งข้อเท้า ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนแม้เป็นเรื่องของกล้ามเนื้อเอ็นกระดูกไขข้อล้วน ๆ แต่สามารถบำบัดได้ด้วยเครื่องกระตุ้นตัวนี้ที่เราเรียกว่า PMS/TMS ซึ่งการรักษาสิ่งสำคัญเลยในกลุ่มนี้คือสามารถรักษาแล้วได้ผลการรักษายาวนานกว่าทุก ๆ เครื่องมือในทางกายภาพบำบัดที่เคยมีมาก่อน
  4. กลุ่มอาการชา คือเรื่องของการรักษาคนไข้ในที่มีอาการชา อาการรู้สึกที่ไม่ปกติในส่วนของแขน ขา ที่เรียกว่าปลายประสาทอักเสบ ปลายประสาท อักเสบกล่าวรวม ๆ คือพบได้เยอะมาก ๆ เป็นกลุ่ม ใหญ่ที่เกิดจากเบาหวาน มีอาการชาจากเบาหวานเยอะมาก การฟื้นตัวมีขีดจำกัดอาการชาคงเหลืออยู่ และอาจจะเป็นมากขึ้นตามระยะเวลาที่เกิดขึ้น เพราะว่าเบาหวานนั้นทำให้เกิดการขาดเลือด เรียกว่า ขาดสารอาหารจากน้ำตาลในเลือดที่จะไปเลี้ยงกับ ตัวเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทเกิดอาการอักเสบขึ้นมา เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะพบได้ในระยะหลังของเบาหวานคือ มีเรื่องของการชาตามปลายประสาท ซึ่งจะพบในผู้ป่วยกลุ่มเบาหวานจำนวนมากอยู่แล้ว การรักษาเพื่อให้ได้ผลจริงจังแล้วแทบจะไม่มีเลย จนกระทั่งมีการกระตุ้นด้วยแม่เหล็กตัวนี้ ทุกครั้งที่ทำการรักษาผู้ป่วยตั้งแต่ครั้งแรก ผู้ป่วยกลุ่ม เบาหวานที่มีอาการชามือ ชาเท้าจะดีขึ้น 50-100% เลยในแต่ละครั้งที่รักษา
[Total: 1 Average: 4]