อาชีพแพทย์ คือหนึ่งในอาชีพในฝันของนักเรียนไทยและเกือบจะทั่วโลก ด้วยเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เป็นที่นับหน้าถือตา ได้ช่วยเหลือสังคม แล้วยังมีรายได้ที่ดีมากอีกต่างหาก สำหรับในสหราชอาณาจักรนั้นก็แทบจะไม่ต่างกัน นักเรียนที่อยากศึกษาต่อในด้านนี้ ต้องผ่านข้อสอบที่ยาก ต้องมีคุณสมบัติครบตามที่กำหนด และแสดงให้คณะเห็นถึงความมุ่งมั่นในการทำงานสายการแพทย์
สำหรับในเรื่องของการจัดอันดับนั้น จะใช้องค์ประกอบหลาย ๆ ด้านด้วยกัน อาทิ ค่าเฉลี่ยของบุคลากรต่อนักศึกษาแพทย์ความพึงพอใจของนักศึกษา และเส้นทางอาชีพหลังจบการศึกษาในหกเดือนแรก เป็นต้น และนี่คือ Top 5 ล่าสุด คณะแพทย์ศาสตร์ของ UK โดยการจัดอันดับของสื่อชื่อดังจากประเทศอังกฤษอย่าง US Medical School Rankings 2022
The Best Medical Schools in the USA – โรงเรียนทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา ปี 2022
- Harvard University
- Johns Hopkins University
- University of Pennsylvania
- New York University
- Stanford University
- Columbia University
- Mayo Clinic School of Medicine
- University of California- Los Angeles
- University of California, San Francisco
- Washington University, St Louis
- Cornell University
- Duke University
- University of Washington
- University of Pittsburgh
- University of Michigan
- Yale University
- University of Chicago
- Northwestern University
- Vanderbilt University
- Icahn School of medicine at Mount Sinai
การเป็นหมอในอเมริกาเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก เพราะต้องใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ถ้าใครวางแผนจะเรียนต่อแพทยศาสตร์ในอเมริกา อาจจะต้องวางแผนล่วงหน้ากันยาวๆ เลย
ขั้นแรกคือต้องจบปริญญาตรีก่อนค่ะ เราจะเรียกการเรียนปริญญาตรีนี้ว่า pre-med เพราะเป็นการเรียนเพื่อไปเข้า Medical School (โรงเรียนแพทย์) อีกที ส่วนใหญ่จะนิยมเรียนปริญญาตรีสาขาเคมี, ชีววิทยา, ฟิสิกส์, เคมีอินทรีย์ และกายวิภาคศาสตร์ บางโรงเรียนแพทย์อาจกำหนดวิชาเฉพาะมาเลยก็ได้ว่าต้องจบปริญญาตรีสาขานั้นนี้เท่านั้น แต่โดยส่วนมากก็จะสาขาประมาณนี้ค่ะ
หลังจบปริญญาตรีก็ต้องสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์ค่ะ ในการสมัครจะต้องใช้ผลสอบวิชาเฉพาะแพทย์หรือ MCAT ด้วย การสอบ MCAT ประกอบไปด้วย 4 วิชา ได้แก่
1. Biological and Biochemical Foundations of Living Systems (พื้นฐานชีววิทยาและชีวเคมีของระบบสิ่งมีชีวิต)
2. Chemical and Physical Foundations of Biological Systems (พื้นฐานเคมีและฟิสิกส์ของระบบสิ่งมีชีวิต)
3. Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior (พื้นฐานทางจิตวิทยา สังคมวิทยา และชีววิทยาของพฤติกรรม)
4. Critical Analysis and Reasoning Skills (ทักษะการวิเคราะห์และการให้เหตุผล)
หลังจบจากโรงเรียนแพทย์ ก็ต้องเข้าโปรแกรมฝึกแพทย์เฉพาะทางหรือ Residency Program อีกค่ะ ขั้นนี้จะได้ทำงานในโรงพยาบาลจริงๆ ส่วนมากจะฝึกกัน 3-8 ปี ขึ้นกับสาขาเฉพาะทางของแต่ละคนค่ะ บางสาขาอาจจะต้องต่อ fellowship หรือต่อยอดเฉพาะทางต่อเพิ่มอีก ทั้งนี้ขึ้นกับเกณฑ์การสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของแต่ละมลรัฐค่ะ ฉะนั้นก่อนจะเลือกเส้นทางการเรียน ต้องดูก่อนว่าจะไปเป็นแพทย์ประจำที่มลรัฐไหน เพื่อที่จะได้เลือกฝึกได้ถูกต้องค่ะ
โรงเรียนแพทย์ในอเมริกามีไม่ถึง 200 แห่ง แต่ละแห่งก็มีเกณฑ์การสมัครแตกต่างกันไป บางแห่งอาจจะรับเฉพาะชาวอเมริกัน หรือผู้ที่จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยในอเมริกาเท่านั้นก็ได้ ถ้าใครตั้งใจจะไปเรียนที่สถาบันไหนโดยเฉพาะ อาจจะต้องศึกษาข้อมูลล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่เรียนปริญญาตรีก็ได้