กรวยไตอักเสบ หมายถึง การติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในบริเวณกรวยไต แบ่งเป็น ชนิดเฉียบพลัน ซึ่งมีอาการแสดงชัดเจนกับ ชนิดเรื้อรัง ซึ่งไม่มีอาการแสดงชัดเจนมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเป็นโรคแทรก ซ้อนของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในทางเดินปัสสาวะ
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 4 เท่า มักพบในผู้หญิงในวัยเด็กหรือขณะตั้งครรภ์ ในคนที่เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต เนื้องอกหรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือผู้ป่วยที่เคยสวนปัสสาวะมาก่อน (เช่น ผู้ป่วยหนักที่นอนพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล)
ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน หรือกินสตีรอยด์ นานๆ ก็อาจมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้งายขึ้น
สาเหตุ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
เกิดจากการติดเชื้ออักเสบเฉียบพลันในบริเวณกรวยไต ส่วนมากเชื้อโรคมักจะแพร่กระจายมาจากบริเวณผิวหนังรอบๆ ท่อปัสสาวะเข้ามาในท่อปัสสาวะกระเพาะปัสสาวะและผ่านท่อไตขึ้นมาที่ไต การอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะมักเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการติดเชื้อได้งายขึ้น เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต กระเพาะปัสสาวะไม่ทำงานในผู้ป่วยอัมพาต การตั้งครรภ์หรือมีก้อนในช่องท้อง เป็นต้น
เชื้อที่ได้บ่อยเป็นเชื้อแบคทีเรียเรียกกลุ่มแกรมลบได้แก่ อีโคไล (Escherichia coli) เคล็บชิลลา (Klebsiella) สูโดโมแนส (pseudomonas)
นอกจากนี้ ในบางรายเชื้อโรคอาจแพร่กระจายจากส่วนอื่นๆ ของร่างกาย โดยทางกระแสเลือดก็ได้
อาการ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการปวดที่บริเวณสีข้างขึ้นอย่างฉับพลัน โดยจะปวดมากที่ข้างไดข้างหนึ่ง และอาจปวดร้าวลงมาที่บริเวณขาหนีบพร้อมกับมีไข้สูง หนาวสั่นมากเป็นพักๆ (อาจต้องห่มผ้าหลายผืน คล้ายไข้มาลาเรีย แต่จะจับไข้ไม่เป็นเวลาแน่นอน)
ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน บางรายอาจมีอาการขัดเบาร่วมด้วย
ปัสสาวะมักมีอาการลักษณะขุ่น บางครั้งอาจข้นเป็นหนอง
สิ่งตรวจพบ
ไข้สูง 39 – 40 องศาเซลเซียล ถ้าใช้กำปั้นทุบเบาๆ ที่สีข้างตรงที่ปวด ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บจนสะดุ้งหน้าท้องอาจมีอาการกดเจ็บ หรือท้องเกร็งแข็งเล็กน้อยปัสสาวะมีลักษณะขุ่น
ภาวะแทรกซ้อน
ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจลุกลามเข้ากระแสเลือด กลายเป็นภาวะโลหิตเป็นพิษซึ่งอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้
ในบางรายอาจกลายเป็นโรคกรวยไตอักเสบเรื้อรังและภาวะไตวาย
การป้องการ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
- ผู้ป่วยที่เป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน มักมีไข้สูงหนาวสั่นคล้ายไข้มาลาเรีย แต่จะมีอาการปวดและเคาะเจ็บที่สีข้าง และปัสสาวะขุ่น ดังนั้น เมื่อพบคนที่มีอาการไข้หนาวสั่นมาก ควรนึกถึงโรคนี้ไว้เสมอ
- ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะกระเพาะ-ปัสสาวะอักเสบ ต่อมลูกหมากโต ควรหาทางรักษาให้หายขาด มิฉะนั้นอาจมีกรวยไตอักเสบแทรกซ้อนได้
- ควรป้องกันมิให้มีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ โดยการดื่มน้ำมากๆ และอย่าอั้นปัสสาวะ
การรักษา กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
1. หากสงสัย ควรส่งตรวจปัสสาวะเพิ่มเติม จะพบเม็ดเลือดขาวอยู่กันเดี่ยวๆ และเกาะกันเป็นแพ (white blood cells castd) ถ้าอาการไม่รุนแรง อาจให้การรักษาด้วยยาลดไข้ (ย1) และยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีชิลลิน 500 มก. ทุก 8 ชั่วโมง โคไตรม็อกชาโชล 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง โอฟล็อกซาชิน 400 มก. วันละ 2 ครั้ง หรือไซโพรฟล็อกซาชิน 500 มก.วันละ 2 ครั้ง นาน 14 วัน ถ้ากินยาไม่ได้ ให้ฉีดเจนตาไมชิน ครั้งละ 40 – 80 มก. (เด็ก 0.5-1 มก./กก.) วันละ 2 – 3 ครั้ง ทุก 8 – 12 ชั่วโมง
2. ถ้าให้การรักษา 3 วันแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ช็อก ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะออกน้อย ซีด เหลือง หรือสงสัยโลหิตเป็นพิษ ควรส่งโรงพยาบาล อาจต้องทำการเพาะเชื้อจากปัสสาวะ ซึ่งจะพบเชื้อแบคทีเรียเป็นที่เป็นสาเหตุ
นอกจากนี้ อาจต้องเอกซเรย์ ตรวจเลือด และตรวจพิเศษอื่นๆ เพื่อค้นหาความผิดปกติที่เป็นปัจจัยเสริมให้มีการติดเชื้อ
การรักษา แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อที่ตรวจพบ ในระยะแรกมักให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด เช่น เจนตาไมชิน เซฟาโลสปอริน
ถ้าพบความผิดปกติอื่นๆ ก็อาจให้การแก้ไขร่วมไปด้วยโดยทั่วไปมักจะรักษาให้หายขาดได้
3. ผู้ป่วยเมื่อรักษาจนอาการหายดีแล้ว ควรทำการตรวจปัสสาวะให้แน่ใจว่ามี่อาการอักเสบเรื้อรัง มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรัง ซึ่งในระยะยาวอาจกลายเป็นไตวายเรื้อรังได้