หากปัสสาวะขุ่น (Urine Cloudy) อาจหมายความว่ามีบางอย่างผิดปกติกับทางเดินปัสสาวะ แม้ว่าปัสสาวะขุ่นจะเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ แต่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง
ปัสสาวะขุ่นอาจเกิดจาก:
- การขาดน้ำ
- ภาวะติดเชื้อ
- ปัญหาไต
- โรคเรื้อรังบางชนิด
บทความนี้จะบอกถึงสาเหตุปัสสาวะขุ่นในชายและหญิง
สาเหตุ ปัสสาวะขุ่น
การขาดน้ำ
ปัสสาวะสีเข้มและขุ่นมักเกิดจากการขาดน้ำ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าที่จะได้รับ โดยพบได้บ่อยในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง แต่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงหลายคนมีอาการขาดน้ำเล็กน้อยในตอนเช้า และหลังออกกำลังกายอย่างหนัก
เมื่อขาดน้ำร่างกายจะกักเก็บน้ำไว้ให้มากที่สุด นั่นทำให้ปัสสาวะจะมีความเข้มข้นสูงและมีสีเข้มกว่าปกติ
อาการของการขาดน้ำได้แก่
- ปัสสาวะสีเข้มหรือขุ่นมัว
- กระหายน้ำมาก
- ปัสสาวะไม่บ่อย
- เด็กจะพบว่าผ้าอ้อมแห้ง
- ปากแห้ง
- วิงเวียน
- ปวดหัว
- มึนงง
กรณีที่ร่างกายขาดน้ำเพียงเล็กน้อย เช่น เกิดในตอนเช้าคุณสามารถดื่มน้ำเยอะๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อชดเชยน้ำที่ขาดไปได้
หากเด็กๆ ป่วยด้วยอาการอาเจียนหรือท้องร่วงให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการรักษา เด็กที่ป่วยควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และมักจะสามารถรักษาได้ด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ และอิเล็กโทรไลต์ (Pedialyte)
หากขาดน้ำอย่างรุนแรง หรือการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์
ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTIs) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยได้บ่อยในอาการปัสสาวะขุ่น UTIs คือการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ โดยจะส่งผลกระทบต่อท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ ท่อไต และไต
UTI พบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะที่สั้นกว่าทำให้ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดจากอุจจาระได้ง่าย
UTI เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียเติบโตอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และร่างกายส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวไปจัดการกับเชื้อเหล่านั้น เซลล์เหล่านี้จะถูกขับออกทางปัสสาวะ เมื่อเม็ดเลือดขาวผสมกับปัสสาวะจะมีสีขุ่นหรือสีเหมือนน้ำนม
อาการของการติดเชื้อในการเดินปัสสาวะได้แก่
- ต้องออกแรงในการปัสสาวะ
- ปัสสาวะที่มีสีขุ่น น้ำนม แดง ชมพูหรือน้ำตาล
- ปัสสาวะมีกลิ่นแรงหรือมีกลิ่นเหม็น
- รู้สึกแสบขณะปัสสาวะ
- ปวดหลังส่วนล่างหรือกลาง
- ปวดปัสสาวะ แต่ปัสสาวะน้อย
- ปวดท้องน้อยในผู้หญิง
UTIs จำเป็นต้องได้รับการรักษาทันทีด้วยยาปฏิชีวนะ โดยทั่วไปแล้ว UTI สามารถรักษาได้ง่าย แต่หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้การติดเชื้อทวีความรุนแรง UTI ที่ไม่ได้รับการรักษาสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้
- ไตได้รับความเสียหาย
- การติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง
- ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (อันตรายถึงชีวิต)
ช่องคลอดอักเสบ
ปัสสาวะขุ่นบางครั้งเกิดจากช่องคลอดอักเสบ ซึ่งช่องคลอดอักเสบคือ การติดเชื้อในช่องคลอดได้แก่
- ติดเชื้อแบคทีเรีย
- ติดเชื้อยีสต์
- ติดเชื้อไตรโคโมแนส
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย และการติดเชื้ออื่น ๆ เกิดขึ้นเมื่อมีการเจริญของแบคทีเรีย เชื้อราหรือเชื้อโรคจำนวนมาก
ช่องคลอดที่แข็งแรงโดยปกติจะรักษาสมดุลของแบคทีเรียได้ดี อย่างไรก็ตามในบางสถานการณ์ความสมดุลนี้จะหายไป ความไม่สมดุลนี้นำไปสู่การเติบโตของแบคทีเรีย และการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในช่องคลอดที่เรียกว่า ภาวะช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย
ช่องคลอดอักเสบทำให้ปัสสาวะขุ่นเมื่อ เนื่องจากมีเม็ดเลือดขาวออกมาผสมกับปัสสาวะของคุณ
สัญญาณอื่น ๆ ของอาการช่องคลอดอักเสบ
- อาการคัน ปวด หรือแสบรอบ ๆ ช่องคลอด
- มีของเหลวไหลออกมาผิดปกติ
- กลิ่นเหม็น
- หลังมีเพศสัมพันธุ์มีกลิ่นคาวปลา
- สีเหลือง สีเขียว สีเทาหรือสีคล้ายชีส
- รู้สึกแสบขณะปัสสาวะ
การรักษาช่องคลอดอักเสบขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย และโรคพยาธิตัวจี๊ดจะได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ การติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอดจะได้รับการรักษาด้วยยาต้านเชื้อรา
หากปล่อยทิ้งช่องคลอดอักเสบไว้ไม่รักษา นั้นเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
นิ่วในไต
นิ่วในไตเกิดจากผลึกและเกลือที่ผิดปกติซึ่งก่อตัวขึ้นภายในทางเดินปัสสาวะ สิ่งเหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างมาก และสร้างความเจ็บปวดอย่างมาก
นิ่วในไตสามารถติดอยู่ในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ และการอุดตันได้ ปัสสาวะขุ่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามีนิ่วในไต และสามารถนำไปสู่การติดเชื้อ
อาการของนิ่วในไตได้แก่
- ปวดใต้ซี่โครงด้านข้างหรือด้านหลังอย่างรุนแรง
- ปวดท้องน้อยและขาหนีบ
- ปวดขณะปัสสาวะ
- ปัสสาวะสีชมพู แดงหรือน้ำตาล
- ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น
นิ่วในไตส่วนใหญ่จะดีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องรักษา แพทย์จะให้ยาแก้ปวด เพื่อให้รู้สึกสบายขึ้นในขณะที่คุณทำงาน เพื่อล้างนิ่วออกจากร่างกาย (ด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ )
นิ่วขนาดใหญ่ หรือนิ่วที่นำไปสู่การติดเชื้อ จำเป็นต้องได้รับการขจัดออกไปจากร่างกาย โดยใช้คลื่นเสียงหรืออาจผ่าตัดเพื่อนำออก การติดเชื้อจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
โรคไตจาก เบาหวานหรือความดันโลหิตสูง
โรคไตเรื้อรังส่วนใหญ่เกิดจากโรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรังเกิดขึ้นนันจะมีระยะ และการลุกลามของโรคไตเรื้อรังอาจทำให้ไตวายได้ ไตวายเกิดขึ้น เมื่อไตทำงานลดลงต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์จากปกติ
ไตมีหน้าที่กรองของเสียและของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกาย เมื่อไตทำงานไม่ปกติทำให้เกิดการสะสมของเสีย และขัดขวางสมดุลของเกลือและแร่ธาตุในกระแสเลือด เนื่องจากไตมีหน้าที่หลักในการผลิตปัสสาวะ การเปลี่ยนแปลงการทำงานของไตจึงทำให้สีหรือกลิ่นของปัสสาวะเปลี่ยนไปได้
อาการของไตวายได้แก่
- ขา ข้อเท้าและเท้ามีอาการบวม
- ปวดศีรษะ
- อาการคัน
- คลื่นไส้อาเจียน
- เหนื่อยล้าระหว่างวัน พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ได้แก่ เบื่ออาหารและน้ำหนักลดอย่างไม่มีสาเหตุ
- ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง
- ปัสสาวะน้อยหรือไม่มีเลย
- ปวดหรือตึงในข้อต่อของคุณ
- มึนงง ปัญหาทางสติปัญญา
ไตวายเป็นปัญหาสุขภาพร้ายแรง แต่สามารถจัดการได้ ทางเลือกในการรักษา ได้แก่ การฟอกเลือด และการปลูกถ่ายไต ในระหว่างการฟอกเลือดเลือดจะไหลเวียนผ่านตัวกรองภายนอกซึ่งทำงานเหมือนไตเทียม
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) คือ การติดเชื้อที่สามารถส่งผ่านจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้ในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยๆ เช่น หนองใน และหนองในเทียม มีอาการเพียงเล็กน้อย เช่นเดียวกับการติดเชื้ออื่น ๆ (ช่องคลอดอักเสบ และ UTIs) เม็ดเลือดขาวจะตอบสนองต่อบริเวณที่ติดเชื้อ ทำให้เมื่อปัสสาวะแล้วเม็ดเลือดขาวเหล่านี้จะผสมกับปัสสาวะทำให้มีปัสสาวะลักษณะขุ่น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดการตกขาวหรือความผิดปกติของอวัยวะเพศ ซึ่งอาจออกมาปนกับปัสสาวะ และทำให้ปัสสาวะมีสีขุ่นได้
อาการของการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ได้แก่
- คันอวัยวะเพศ
- แสบร้อนระหว่างการถ่ายปัสสาวะ
- ผื่นหรือแผลพุพอง หรือหูด
- ปวดอวัยวะเพศ
- ปวดท้องน้อยในผู้หญิง
- ปวดระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์
การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับประเภทของโรคนั้นๆ ยาปฏิชีวนะเป็นวิธีการรักษาที่พบบ่อยที่สุด เมื่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้รับการรักษาสำหรับผู้หญิงอาจทำให้เกิดปัญหาการเจริญพันธุ์ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานที่รุนแรง และภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ ในผู้ชายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถนำไปสู่การติดเชื้อของต่อมลูกหมากและส่วนอื่น ๆ ในระบบสืบพันธุ์
เบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ทำให้ไตต้องทำงานหนักกว่าปกติ เพื่อกรองน้ำตาลนี้ออกไป และน้ำตาลนี้จะถูกขับออกทางปัสสาวะ
โรคเบาหวานทำให้ไตเครียด และสามารถนำไปสู่โรคไต โรคไตจะได้รับการวินิจฉัยด้วยการพบโปรตีนบางชนิดในปัสสาวะ โดยโปรตีนเหล่านี้ ทำให้สี และกลิ่นของปัสสาวะเปลี่ยนแปลงไป
อาการทั่วไปของโรคเบาหวาน ได้แก่
- กระหายน้ำอย่างมาก
- ปัสสาวะบ่อย
- เหนื่อยล้า
- น้ำหนักลดลง
- แผลหายช้า
- การติดเชื้อบ่อยครั้ง
โรคเบาหวานประเภท 2 สามารถรักษาได้ด้วยยา อาหาร และการลดน้ำหนัก โรคเบาหวานประเภท 1จำเป็นต้องใช้อินซูลิน ความเสี่ยงของความเสียหายของไตจะลดลงเมื่อมีการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติอย่างเข้มงวด
การรับประทานอาหาร
การดื่มนมที่มากเกินไปส่งผลให้ปัสสาวะขุ่นได้ ผลิตภัณฑ์นมมีแคลเซียมฟอสเฟต ไตมีหน้าที่กรองฟอสฟอรัสออกจากเลือด ดังนั้นฟอสฟอรัสส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
เมื่อฟอสฟอรัสถูกขับออกทางปัสสาวะ ฟอสฟอรัสในปัสสาวะอาจทำมห้สีของปัสสาวะขุ่นมัว หากมีอาการนี้รุนแรงควรพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
ปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
ปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก เช่น ต่อมลูกหมากอักเส ส่งผลให้ปัสสาวะขุ่นได้
Prostatitis คือ การอักเสบหรือการติดเชื้อของต่อมลูกหมากซึ่งเป็นต่อมที่อยู่ภายใต้กระเพาะปัสสาวะในผู้ชาย โดยมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ปัสสาวะที่ขุ่นสามารถเกิดได้จากเม็ดเลือดขาว หนองหรืออวัยวะเพศชาย
อาการของต่อมลูกหมากอักเสบ ได้แก่
- ปวดหรือแสบระหว่างถ่ายปัสสาวะ
- ปัสสาวะลำบาก
- ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในเวลากลางคืน
- ปัสสาวะมีเลือดปน
- ปวดท้อง ขาหนีบ หรือหลังส่วนล่าง
- ปวดอวัยวะเพศ
- เจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
การรักษาต่อมลูกหมากอักเสบจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ อาจจะเป็นการใช้ยาปฏิชีวนะ อัลฟาบล็อกเกอร์ หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
ภาวะตั้งครรภ์
ในระหว่างตั้งครรภ์ปัสสาวะขุ่นสามารถเกิดได้จาก UTI, STI หรือช่องคลอดอักเสบ โดยอาการเหล่านี้ก็จะเหมือนกับคนทั่วไปที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการติดเชื้อเหล่านี้สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการรักษา การติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้น้ำหนักของทารกแรกเกิดต่ำ เจ็บครรภ์ก่อนกำหนด และอาจเป็นการติดเชื้ออื่น ๆ ที่ร้ายแรงกว่า
บางครั้งโปรตีนในปัสสาวะเป็นสัญญาณของภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการตั้งครรภ์ที่เป็นอันตราย โดยทั่วไปโปรตีนจะไม่ทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนไป แต่ถ้าระดับโปรตีนสูงมากสามารถทำให้ปัสสาวะมีฟองได้
โปรดเข้าพบแพทย์หากคุณอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ และมีสัญญาณของช่องคลอดติดเชื้อหรือภาวะครรภ์เป็นพิษ
อาการ ปัสสาวะขุ่น
ปัสสาวะมีลักษณะขาวขุ่นคล้ายน้ำนม (Chyluria) เป็นปัสสาวะที่มีน้ำเหลืองหรือไขมันปน เช่นในโรคเท้าช้าง จากการผ่าตัดไตเพียงบางส่วน (Partial nephrectomy) หรือจากการจี้ไตด้วยไฟฟ้าหรือคลื่นเสียง (Ablative) เพื่อการรักษาโรคบางชนิด เช่น เนื้องอก หรืออุบัติเหตุของไต นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้ว ยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อระดับสารเคมีต่าง ๆ หรือระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายและนำไปสู่อาการปัสสาวะขุ่นหรือมีสีผิดปกติได้
การรักษา ปัสสาวะขุ่น
หากปัสสาวะขุ่นหรือมีสีที่ต่างไปจากปกติจากสาเหตุทั่วไปที่ไม่เป็นอันตราย เช่น การรับประทานอาหาร หรือเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษา ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำการรักษา แต่หากปัสสาวะขุ่นเกิดจากโรคและอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ แพทย์จะทำการรักษาที่อาการป่วยต้นเหตุ เช่น
ภาวะขาดน้ำ การรักษาภาวะขาดน้ำขึ้นอยู่กับอาการ ความรุนแรง สาเหตุของการขาดน้ำ และอายุของผู้ป่วย โดยอาจใช้วิธีการรักษา เช่น ดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารละลายอิเล็กโตรไลต์หรือคาร์โบไฮเดรต รับประทานผงละลายเกลือแร่ตามวิธีการและปริมาณที่เหมาะสมกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมในผู้ที่มีอาการท้องร่วง หรือให้น้ำเกลือรักษาในรายที่มีภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง