ปากมดลูกอักเสบ (Cervicitis) คือภาวะการอักเสบบริเวณปากมดลูกซึ่งอาจจะสังเกตุได้หากผู้ป่วยมีตกขาวที่มีกลิ่นหรือสีผิดปกติ รวมไปถึงการมีเลือดออกจากบริเวณปากมดลูก
ปากมดลูกคืออวัยวะส่วนที่ล่างสุดของมดลูก มีลักษณะยื่นเข้าไปในช่องคลอดเล็กน้อย เป็นตำแหน่งขับเลือดประจำเดือนออกจากมดลูก ในภาวะที่มีการคลอดลูกบริเวณปากมดลูกจะมีการขยายตัวออกไปเพื่อเปิดทางให้ทารกสามารถผ่านช่องคลอดออกไปได้ (ภาวะที่ปากมดลูกขยายตัว)
สาเหตุของภาวะปากมดลูกอักเสบ
ปากมดลูกอักเสบเกิดจากภาวะที่เนื้อเยื่อปากมดลูกเกิดการติดเชื้อ ซึ่งการติดเชื้อนั้นส่วนมากมาจากการเพศสัมพันธ์ แต่ก็ยังขึ้นกับสาเหตุอื่น ๆ ได้ด้วย นอกจากนี้โรคปากมดลูกอักเสบอาจมีลักษณะเจ็บปวดอย่างเฉียบพลัน หรือภาวะเรื้อรังเมื่อผู้ป่วยมีอาการของปากมดลูกอักเสบเรื้อรังนานหลายเดือนได้
อาการปากมดลูกอักเสบเฉียบพลันมักเกิดจากการติดเชื้อในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ (STI) ซึ่งรวมถึง:
- โรคเริม และเริมที่อวัยวะเพศ
- โรคหนองในเทียม
- โรคพยาธิตัวจี๊ด
- โรคหนองใน
การติดเชื้อ HPV ในระยะลุกลามอาจยิ่งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของปากมดลูกได้มาก และมักเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปากมดลูก หรืออาจเป็นอาการเบื้องต้นของมะเร็งปากมดลูกได้
อาการของภาวะปากมดลูกอักเสบ
ผู้หญิงบางคนที่ป่วยด้วยโรคปากมดลูกอักเสบอาจไม่มีอาการใด ๆ ของโรคนี้เลยก็ได้ แต่อาจพบอาการเมื่อตรวจภายในได้ อาการของโรคนี้จะมีมากมายประกอบด้วย:
- มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ
- มีตกขาวสีเทา หรือสีขาว ในบางกรณีอาจมีกลิ่น
- อาการปวดบริเวณช่องคลอด
- อาการปวดที่รู้สึกได้ในขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์
- อาการบีดอัดบริเวณอุ้งเชิงกราน
- อาการปวดหลัง
- ปัสสาวะลำบาก หรือปวดในขณะที่กำลังปัสสาวะ
- ปวดปากมดลูก
หากปล่อยไว้ไม่ทำการรักษา อาการปากมดลูกอักเสบอาจลุกลามรุนแรงมากขึ้น ในบางกรณีความเจ็บปวดอาจรุนแรงมากขึ้น ตกขาวเปลี่ยนสีมีลักษณะคล้ายหนองอันเป็นสัญญาณที่แสดงถึงอาการของปากมดลูกที่อักเสบในระดับที่รุนแรง
การรักษาปากมดลูกอักเสบ
ก่อนอื่นแพทย์จะทำการวินิจฉัยสาเหตุของการเกิดปากมดลูกอักเสบว่าเกิดจากสาเหตุใด หากเกิดจากการติดเชื้อแพทย์จะทำการจ่ายยาปฎิชีวนะเพื่อบรรเทาอาการอักเสบ แต่หากเกิดจากสาเหตุของการระคายเคืองเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำวันเช่น ผ้าอนามัย หรืออื่น ๆ แพทย์จะแนะนำให้เปลี่ยนยี่ห้อหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ