การส่องดูหลอดอาหารกระเพาะอาหารและลำไส้ (Esophagogastroduodenoscopy;EGD) เป็นการตรวจดูเยื่อบุภายในหลอดอาหาร ช่องท้องและลำไส้เล็กส่วนต้นโดยส่องผ่านทางกล้องส่องที่เป็นพลาสติกอ่อน (flexible fiber optic) หรือส่องกล้องที่มีวีดิโอ (video endoscope) การตรวจนี้ใช้บ่งชี้สำหรับผู้ป่วยที่มีเลือดออกในทางเดินอาหาร (gastrointestinal bleeding) อาเจียนเป็นเลือด (hematemesis) ถ่ายดำ (melena) จุกเสียดบริเวณลิ้นปี่หรือใตกระดูกสันอก โรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease) กลืนลำบาก (dysphagia) ภาวะซีด (anemia) โรคแผลเป็ปติก (peptic ulcer disease) การตรวจนี้ช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องทำผ่าตัดเปิดหน้าท้อง และสามารถเห็นแผล เล็กๆ ที่ตรวจดูโดยถ่ายภาพรังสีเพราะกล้องสามารถเข้าไปตามช่องทางสำหรับใช้คีมตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) หรือนำมาตรวจดูเซลล์ และสามารถดูด (suction) เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดเล็กและนุ่มออกจากร่างกาย หรือโดยใช้ไฟฟ้าหรือคีมคีบเอาสิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดใหญ่และแข็งออกมาได้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อวินิจฉัยโรคที่มีการอักเสบ มีก้อนเนื้อร้าย มีแผล ภาวะที่มีการฉีกขาดบริเวณรอยต่อระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร(Mallory – Weiss syndrome) และมีความผิดปกติของโครงสร้างหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้
2. เพื่อประเมินผู้ป่วยหลังผ่าตัดกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก
3. เพื่อวินิจฉัยแผลลำไส้เล็กหรือมีอุบัติเหตุฉุกเฉินหรืvหลอดอาหารได้รับบาดเจ็บ เช่น สาเหตุจากการได้รับสารเคมี
การเตรียมผู้ป่วย
1. บอกผู้ป่วยว่าการตรวจนี้เป็นการตรวจดูเยื่อบุภายในหลอดอาหารช่องท้องและลำไส้เล็กส่วนต้น
2. ตรวจสอบประวัติของผู้ป่วยเกี่ยวกับการแพ้ยาและตรวจสอบว่ายาและยาชาที่ต้องใช้สำหรับการตรวจผู้ป่วยจะแพ้หรือไม่
3. บอกผู้ป่วยให้งดน้ำและอาหาร 6-12 ชั่วโมง ก่อนตรวจหรืองดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน
4. บอกผู้ป่วยว่าจะมีเครื่องมือซึ่งมีกล้องถ่ายภาพอยู่ด้วยโดยใส่ผ่านทางปากและบอกว่าแพทย์จะเป็นผู้ตรวจ บอกถึงสถานที่ที่จะส่งผู้ป่วยไปตรวจ และการตรวจจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
5. หากเป็นการตรวจชนิดฉุกเฉิน (Emergency EGD) บอกผู้ป่วยว่าอาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหารอาจสำลักออกมาทางสาย NG tube ได้
6. บอกผู้ป่วยว่าจะรู้สึกขมเมื่อพ่นยาชาในปากหรือลำคอการพ่นยาชานี้เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดอาการขย้อนโดยลิ้นและลำคอของผู้ป่วยจะไม่รู้สึกอยากกลืนทำให้ผู้ป่วยดูเหมือนจะกลืนลำบาก บอกผู้ป่วยให้บ้วนน้ำลายออกจากข้าง ๆ กระพุงแก้ม หากจำเป็นให้ใช้เครื่องดูดเอาน้ำลายออก
7. บอกผู้ป่วยว่าจะให้ยานอนหลับทางหลอดเลือดดำก่อนส่องกล้องเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย
8. ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกแน่นท้อง เนื่องจากการเคลื่อนของกล้องและจากลม หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใส่เข้าไป ผู้ป่วยอาจได้รับยาบรรเทาปวดโดยฉีดให้ทางกล้าม เนื้อประมาณ 30 นาทีก่อนตรวจ ต้องให้ยาอะโทรปีนซัลเฟต (atropine sulfate) ทางชั้นใต้ผิวหนัง (subcutaneous) เพื่อช่วยลดสิ่งขับหลั่งในกระเพาะอาหารที่จะรบกวนการตรวจทำให้แพทย์มองเห็นไม่ชัดเจน
9. ให้ผู้ป่วยหรือญาติเซ็นใบยินยอมรับการตรวจรักษาให้เรียบร้อยก่อนตรวจ
10. ก่อนตรวจบอกให้ผู้ป่วยเอาฟันปลอมและแว่นตาออก
ผลการตรวจที่เป็นปกติ
เยื่อยุภายในของหลอดอาหารปกติ มีสีชมพูออกเหลืองมองเห็นหลอดเลือดชัดเจน มีการเต้นของชีพจรที่ผนังหลอดอาหาร ผิวเยื่อบุของกระเพาะอาหารมีสีแดง- ส้ม กระเพาะอาหารจะมีคลื่นของเยื่อบุกระเพาะอาหาร (rugal folds) เยื่อบุของลำไส้ เล็กเป็นสีแดงมีคลื่นตื่น ๆ ตามยาวเล็กน้อย ต่อมาเป็นเยื่อบุของลำไส้เล็กที่มีคลื่นเป็น วงกลมบุด้วยวิลไล และนุ่มเหมือนกำมะหยี่
ผลการตรวจที่ผิดปกติ
จากการตรวจ EGD เพื่อดูลักษณะของเซลล์อาจจะบ่งชี้ว่าเป็นแผลชนิดเฉียบพลันหรือเรื้อรัง เป็นก้อนเนื้องอกหรือเนื้อร้ายและอักเสบ ประกอบด้วย หลอดอาหาร อักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ และลำไส้อักเสบการตรวจนี้อาจจะเห็นถุงที่ผนังของลำไส้ (diverticula) พบรอยหลอดเลือดขด (varices) พบมีการฉีกขาดบริเวณรอยต่อระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร (Mallory Weiss syndrome) มองเห็นวง ของหลอดอาหาร การตีบของกระเพาะอาหารและการตีบของหูรูดไพลอริก (pyloric) และโรคที่เกิดจากกระเพาะอาหารส่วนต้นยื่นเข้าไปในกระบังลม (esophageal hiatal hernia) แม้ว่าการตรวจ EGD นี้ สามารถเห็นความผิดปกติของการเคลื่อนไหวหลอดอาหารได้อย่างชัดเจนเมื่อมีการหดเกร็งของหลอดอาหาร (achalasia) ก็ตามแต่การ ตรวจด้วย Manometric studies จะได้ผลแน่นอนกว่า