1.หากสงสัย ควรแนะนำไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือดและปัสสาวะ
ในรายที่เป็นไม่มาก ไม่จำเป็นต้องพักในโรงพยาบาล ควรแนะนำให้นอนพักที่บ้านให้เต็มที่ทั้งวัน (การนอนพักจะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังสมอง หัวใจ ตับ ไต และรกได้ดี อาการของโรคอาจทุเลาได้) และนัดผู้ป่วยมาตรวจสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือทุก ๆ 2 วัน หรือส่งพยาบาลไปเยี่ยมบ้าน เพื่อประเมินอาการทุกวัน
ถ้าไม่ดีขึ้น หรือความดันช่วงบน 140 หรือ ช่วงล่าง 90 มม.ปรอท หรือมีปัญหาไม่สามารถติด ตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ควรรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยให้ผู้ป่วยนอนพักให้เต็มที่ ทำการตรวจวัด ความดันโลหิต ตรวจรีเฟล็กซ์ของข้อ ตรวจสารไข่ขาวในปัสสาวะ และฟังเสียงหัวใจทารกบ่อย ๆ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจเลือด (ดูจำนวนเกล็ดเลือด อิเล็กโทรไลด์ บียูเอ็น ครีอะตินีน เอนไซม์ตับ) ทุก 1-2 วัน
ถ้าพบว่ามีความดัน160/110 ปรอท จะให้ยาลดความดันเช่นไฮตราลาซีน(hydralazine) 5-10 มก.ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ควรควบคุมให้ความดันช่วง ล่างอยู่ระหว่าง 90-100 มม.ปรอท (ถ้าลดต่ำกว่านี้อาจ ทำให้รกขาดเลือด ไปเลี้ยงได้) ห้ามให้ยาลดความดันกลุ่มยาต้านเอช เพราะอาจทำให้ทารกพิการ และมารดาไตวายได้ และหลีกเลี่ยงการใช้ยาขับปัสสาวะโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงรกได้ไม่ดี (ยกเว้นในรายที่มีปัสสาวะออกน้อยเนื่องจากไตวายอาจให้ฟูโรซีไมด์)
เมื่อครรภ์ใกล้กำหนดคลอด (มากกว่า 34 สัปดาห์) ควรหาวิธีทำให้เด็กคลอดโดยการใช้ยากระตุ้น หากไม่ได้ผล อาจต้องทำการผ่าตัดคลอด โดยการใช้ยากระตุ้น หากไม่ได้ผลอาจต้องทำการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
2.หากมีอาการชัก ให้ฉีดไดอะซีแพม 5-10 มก.เข้าหลอดเลือดดำ แล้วส่งโรงพยาบาลด่วนแพทย์จะฉีดแมกนีเซียมซัลเฟต หรือไดอะซีแพมควบคุมอาการชัก และรีบทำการคลอดเด็ก หลังคลอดอาจ ต้องให้ยาป้องกันชักต่อไปอีก 1-7 วัน