ปัจจุบันมียารักษาโรคกระดูกพรุน 3 กลุ่ม ได้แก่
- ยาช่วยลดการทำลายกระดูก เช่น แคลเซี่ยม บิสฟอตฟาเนต ฮอร์โมนแคลซิโตนิน
- ยาช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูก เช่น ฮอร์โมนพาราไทรอยด์เทอริพาราไทด์
- ยาที่ช่วยทั้งกระตุ้นการสร้างและลดการทำลายกระดูก เช่น สตรอนเทียมรานิเลต
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราไม่ต้องการเป็นโรคนี้ก็สามารถป้องกันได้ โดยการสะสมมวลกระดูกให้มากที่สุดในช่วงวัยเด็กและก่อนอายุ 35 ปี โดยการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง
1.กินแคลเซียมให้พอเพียงทุกวัน อาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นม เนยแข็ง ปลาที่กินได้ทั้งกระดูก (เช่น ปลาไส้ตัน) กุ้งแห้ง เต้าหู้แข็ง ถั่วแดง ผักสีเขียว เข้ม (เช่น คะน้า ใบชะพลู) งาดำคั่ว
แนวทางปฏิบัติ สำหรับเด็กและวัยรุ่นควรดื่ม นมวันละ 2-3 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุดื่มนมวันละ 1-2 แก้วเป็นประจำจะทำให้ได้รับแคลเซียมร้อยละ 50 ของ ปริมาณที่ต้องการส่วนแคลเซียมที่ยังขาดให้กินจาก อาหารแหล่งอื่น ๆ ประกอบ
ผู้ใหญ่บางคนที่มีข้อจำกัดในการดื่มนม (เช่น มีภาวะไขมันในเลือดสูงอ้วน เป็นเบาหวาน ความดัน โลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด)ให้เลือกกินเนยแข็ง นม เปรี้ยว นมพร่องมันเนยแทน หรือบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงในแต่ละมื้อให้มากขึ้น
2.ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ ออกกำลังที่มีการถ่วงหรือต้านน้ำหนัก (weight bearing) เช่น การเดิน การวิ่ง เต้นแอโรบิก กระโดดเชือก รำมวยจีน เต้นรำ เป็นต้น ร่วมกับการยกน้ำหนัก จะช่วยให้มี มวลกระดูกมากขึ้น และกระดูกมีความแข็งแรง ทั้งแขนขา และกระดูกสันหลัง
3. รับแสงแดด ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างกระดูก ในบ้านเราคน ส่วนใหญ่จะได้รับแสงแดดเพียงพออยู่แล้ว นอกจากใน รายที่อยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา ก็ควรจะออกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าหรือยามเย็น วันละ10-15 นาที สัปดาห์ ละ 3 วัน ถ้าอยู่แต่ในที่ร่ม ไม่ถูกแสงแดด อาจต้องกิน วิตามินดีเสริมวันละ 400-800 มก.
4.รักษาน้ำหนักตัวอย่าให้ต่ำกว่าเกณฑ์ (ผอมเกินไป) เพราะคนผอมจะมีมวลกระดูกน้อย เสี่ยงต่อกระดูกพรุนได้
5. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน เช่น
- ไม่เกินอาหารประเภทโปรตีนหรือเนื้อสัตว์มาก เกินไป เพราะอาหารพวกนี้จะกระตุ้นให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากเกินปกติ
- ไม่กินอาหารเค็มจัดหรืออาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะเกลือโซเดียมจะทำให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลงและเพิ่มการขับแคลเซียมทางไตมากขึ้น
- ไม่ดื่มน้ำอัดลมปริมาณมาก เพราะกรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมทำให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ช็อกโกเลต ในปริมาณมาก เพราะแอลกอฮอล์และกาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านี้จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของลำไส้เล็ก (กาแฟไม่ควรดื่มเกินวันละ 3 แก้ว แอลกอฮอล์ไม่เกินวันละ 2 หน่วยดื่ม ซึ่งเทียบเท่าแอลกอฮอล์สุทธิ 30 มล.)
- งดการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่กระตุ้นให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น (เนื่องจากลดระดับเอสโทรเจนในเลือด)
- ระวังการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสตรีรอยด์ ซึ่งจะเร่งการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย
6. รักษาโรคหรือภาวะที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน เช่น ต่อมไทรอย์ทำงานเกิน โรคคุชชิง