โรคมือเท้าปาก

โรคมือเท้าปาก คือ ไข้ออกผื่นชนิดหนึ่งที่พบ ได้บ่อยในเด็กเล็ก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งติดต่อได้ง่าย มักมีอาการไม่รุนแรง และหายได้เองเป็นส่วนใหญ่

               ในบ้านเรามีรายงานผู้ป่วยโรคนี้ประมาณปีละ1,500- 3,000 ราย ส่วนใหญ่พบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี บางครั้ง พบระบาดตามสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก  และโรงเรียนอนุบาล

สาเหตุ โรคมือเท้าปาก

                เกิดจากการติดเชื้อกลุ่มไวรัสเอนเทอโร (enterovirus) ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ได้แก่ ค็อกแซกกีเอและบี (coxsackie A, B) ไวรัสเอนเทอโรชนิด 71 ส่วนใหญ่ ติดต่อจากการกินอาหาร น้ำดื่ม หรือการดูดเลียนิ่วมือ หรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อที่ออกมากับอุจจาระ น้ำเหลือง จากตุ่มน้ำที่ผิวหนัง  หรือละอองน้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อโดยการสูดเอาฝอยละออง น้ำมูก น้ำลายที่ผู้ป่วยไอจามรด

                พี่พบบ่อยที่สุด คือการติดเชื้อไวรัสค็อกแซกกีเอ ชนิด16 ซึ่งอาการมักจะไม่รุนแรง และหายได้เองเป็น ส่วนใหญ่

                ที่พบน้อยแต่รุนแรง คือ การติดเชื้อไวรัสเอนเทอโรชนิด 71 ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึง ตายได้

ระยะฟักตัว 3-7 วัน

อาการ โรคมือเท้าปาก

                แรกเริ่มผู้ป่วยจะมีอาการไข้ และอาจมีอาการอ่อน เพลีย เบื่ออาหารร่วมด้วย หลังจากนั้น 1-2 วัน จะมีน้ำมูก เจ็บปาก เจ็บคอ ไม่ยอมดูดนม ไม่อยากกินอาหาร เด็กเล็กอาจร้องงอแง ตรวจดูในช่องปากจะพบมีจุดนูน แดง ๆ หรือมีน้ำใสอยู่ข้างใต้ ขึ้นตามเยื่อบุปาก ลิ้น และ เหงือก ซึ่งต่อมาจะแตกกลายเป็นแผลตื้นๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-8 มม. ซึ่งเจ็บมาก

                ขณะเดียวกัน ก็มีผื่นขึ้นที่มือและเท้า บางรายขึ้นที่ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซอกนิ้วมือ หรือแก้มก้น ตอนแรกขึ้นเป็น จุดแดงราบก่อน แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำตามมา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-7 มม.

                อาการไข้มักเป็นอยู่ประมาณ  3-4 วันก็ทุเลาไปเอง แผลในปากมักหายได้เองภายใน 7 วัน ตุ่มที่มือและ เท้าจะหายเองภายใน 10 วัน และมักไม่เป็นแผลเป็น

                ในรายที่เป็นรุนแรง (ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย) อาจมี อาการปวดศีรษะรุนแรง (ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย) อาจมี อาหารปวดศีรษะรุนแรง อาเจียนรุนแรง  ซึม ไม่ค่อยรู้ตัว ชัก แขนขาอ่อนแรง  หรือหายใจหอบ

การป้องกัน โรคมือเท้าปาก

                โรคนี้มักจะวินิจฉัยจากลักษณะอาการ  ซึ่งต้อง แยกออกจากโรคเริม อีสุกอีใส แผลแอฟทัส  พุพอง เป็นต้น

                ในรายที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจเชื้อไวรัสจากสิ่งคัดหลั่งที่คอหอย อุจจาระ  หรือน้ำเหลืองจากตุ่ม น้ำบนผิวหนัง

                ในผู้ใหญ่อาจติดเชื้อโดยไม่มีอาการแสดง แต่ สามารถแพร่เชื้อออกมาทางอุจจาระ ดังนั้น ควรป้องกัน การแพร่เชื้อให้ผู้อื่นโดยการล้างมือด้วยน้ำกับสบู่หลัง  ถ่ายอุจจาระและก่อนเตรียมอาหาร

                 แม้ว่าโรคนี้มักหายได้เองภายใน 7-10 วัน (เต็มที่ไม่เกิน 2 สัปดาห์)  แต่ควรแนะนำให้สังเกตภาวะแทรก ซ้อนทางสมอง ปอด และหัวใจอย่างใกล้ชิด หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

                โรคนี้เป็นคนละชนิดกับโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยที่  พบในสัตว์ (เช่น โค กระบือ) และไม่ติดเชื้อจากสัตว์ที่ป่วย

  1. ควรแยกผู้ป่วยไม่ให้คลุกคลีกับผู้อื่นประมาณ 2 สัปดาห์ หรือจนกว่าตุ่มแผลต่างๆ จะหายดีเวลาไอ หรือจามควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก
  2. ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่หลังถ่ายอุจจาระหรือเปลี่ยน ผ้าอ้อม ก่อนเตรียมอาหาร และก่อนเปิบอาหาร
  3. หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูด  ขวดนม ช้อน  ชาม เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ของเล่น เป็นต้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาด ของโรคนี้
  4. ฝึกเด็กให้มีสุขนิสัยที่ดีรวมทั้งหลีกเลี่ยงการนำนิ่วมือหรือของเล่นเข้าปาก

การรักษา โรคมือเท้าปาก

                1.ในรายที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ให้การรักษาตาม อาการดังนี้

  • ให้พาราเซตามอล ลดไข้
  • ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ จนสังเกตเห็นว่ามีปัสสาวะออกมากและใส ทั้งนี้เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • ในช่วงที่มีอาการเจ็บแผลในปาก ให้ผู้ป่วยกินอาหารเหลว หรือของน้ำ ๆ (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด นม  น้ำเต้าหู้ น้ำหวาน) โดยใช้ช้อนป้อน หรือใช้กระบอก ฉีดยาค่อยๆ หยอดเข้าปากแทนการดูดจากขวด (สำหรับทารก)

                ให้อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ดื่มน้ำหรือนมเย็นๆกินไอศกรีม หรือบ้วนปากด้วยเกลืออุ่นๆ (ใส่เกลือ แกง 

 ช้อนชา ในน้ำอุ่น1 แก้ว) บ่อยๆ
เพื่อลดอาการเจ็บแผล

                2. ถ้าแผลกลายเป็นตุ่มหนอง หรือพุพองจากการ เกา ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี อะม็อกซีซิลลิน อีริโทรไมซิน
เป็นต้น

                3. ถ้าเจ็บแผลในปากมากจนเกินอาหารและดื่มน้ำไม่ได้ ควรส่งไปโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ และแพทย์อาจให้ยาชา (เช่นlidocaine,benzocaine) ทาแผลในปากเพื่อลดความเจ็บปวด

                4. ถ้าผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะรุนแรง  อาเจียนรุนแรง ไม่ค่อยรู้ตัว  ชัก แขนขาอ่อนแรง  หรือหายใจหอบ ควรส่งโรงพยาบาลด่วน

[Total: 0 Average: 0]