5 เครื่องดื่มสุขภาพอันตรายกว่าที่คุณคิด

ดื่มน้ำมากขึ้น 4 ประโยชน์มากกว่าที่คิด

5 เครื่องดื่มสุขภาพอันตรายกว่าที่คุณคิด

สวัสดีครับ ผมหมอท๊อป และนี่คือ DOCTORTOP Channel

รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระ

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องของเครื่องดื่มสุขภาพ

5 เครื่องดื่มสุขภาพอันตรายกว่าที่คุณคิด

ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share

กด Subscribe และกดกระดิ่ง ขอบคุณครับ

สำหรับท่านที่มีเวลาน้อย

ผมขออนุญาตให้กระโดดไปดูที่ 3 นาทีสุดท้าย

ผมสรุปไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนท่านที่มีเวลา เราไปพร้อมๆ กันเลย

สำหรับเรื่องของเครื่องดื่มสุขภาพ

ผมว่ามันเป็นอะไรที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน

แล้วเราก็คิดว่ามันจะต้องมีสุขภาพดีจริงไหม

เพราะว่ามันชื่อเครื่องดื่มสุขภาพ

แล้วมันก็มีสุขภาพดีจริงๆ

แต่มันมีภัยร้ายแฝงอยู่ และถ้าเราไม่รู้เราไปทาน

แทนที่จะได้ผลดีกลับได้ผลเสีย

บางครั้งเป็นความดันสูง บางครั้งเป็นเบาหวาน

บางครั้งเป็นโรคหัวใจขาดเลือด อันตรายจริงๆ

มาดูว่ามีอะไรบ้าง

อย่างแรก นม ฟังแล้วช็อคว่านมมันจะแบบมีข้อเสียยังไง

เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ดีมากๆ ใช่ไหม

เราก็ได้รับการดื่มมาตั้งแต่เด็กแล้ว

เราก็ต้องดื่มนมตั้งแต่เด็ก เพราะว่าเราแบบอยากตัวสูงใช่ไหม

คราวนี้มาดูกันว่านมจริงๆ ถามว่าดีไหม บอกว่าดี

แต่ต้องเป็นปริมาณที่เหมาะสม แล้วต้องเลือกให้ถูกแบบด้วย

เพราะอะไร ต้องบอกว่านม 1 กล่อง

นมจืดเลยเอาว่านมจืดเลย นมจืด 1 กล่อง ประมาณ 200 cc

มีน้ำตาลประมาณ 7-8 กรัม

วันหนึ่งเราแนะนำให้ทานน้ำตาลไม่เกิน 25 กรัม

แปลว่าอะไร แปลว่านมจืด 3 กล่อง

ก็เลยน้ำตาลที่ท่านต้องทานต่อวันแล้ว

ท่านทานน้ำตาลอย่างอื่นไม่ได้แล้ว

แปลว่ามันมีน้ำตาลเยอะกว่าที่เราคิด

คือนมแม้จะเป็นนมจืดก็มีน้ำตาล

บางท่านคิดว่านมจืดมันไปจะมีน้ำตาลได้ไง มันไม่หวาน

ก็ต้องบอกว่าน้ำตาลในนมจืดคือน้ำตาลแลคโตส

ที่ไม่ค่อยจะมีรสหวานเท่าไหร่

แล้วก็ไอ้ตัวน้ำตาลแลคโตสบางคนแพ้

ต้องบอกว่าชาวเอเชียแพ้น้ำตาลแลคโตสค่อนข้างเยอะ

เวลาทานเข้าไปแล้วบางทีก็จะมีท้องเสียบ้าง

หรือว่าดูดซึมได้ไม่ดีบ้าง ทำให้เวลาเราทานนม

เราจะได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าทางฝั่งชาวยุโรปนั่นเอง

แต่ไม่ได้บอกว่าแพ้น้ำตาลแลคโตสทุกคนแล้วแต่คนนั่นเอง

เพราะฉะนั้นต้องระวังเลยเรื่องของนมแม้เป็นนมจืดก็ตาม

คราวนี้มาดูดนมอย่างอื่นบ้าง

ถ้าเป็นนมเปรี้ยวนี่ ถ้าเกิดสมมุติประมาณสัก 200 cc

แก้วหนึ่งมีน้ำตาลประมาณ 20 กรัม หวานมากเลย

นมหวานก็ประมาณ 15-20 กรัม

แปลว่าวันหนึ่งถ้าท่านกินขวดหนึ่งหรือกระป๋องหนึ่ง

ก็แปลว่าน้ำตาลท่านไม่ควรทานเพิ่มแล้ว

เพราะฉะนั้นแล้วต้องระวังจริงๆ

แล้วคราวนี้มีคำถามบอกว่า

แล้วเราจะได้แคลเซียมมาจากที่ไหน ถ้าเราไม่ทานนม

คือถ้าท่านต้องการแคลเซียมจากการทานนมอย่างเดียว

ท่านต้องทานนมวันละประมาณ 1 ลิตร แคลเซียมถึงจะพอ

ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ทานนมวันละ 1 ลิตร

มันอาจจะได้ผลเสียมากกว่าผลดี

นมที่ผมแนะนำว่าวันละ 200 cc กำลังสวย

หรืออาจจะแบบ 150-200 cc

แต่ว่าถ้าแบบ 500 cc ลิตรหนึ่งนี้ผมไม่แนะนำเลย

มันมีน้ำตาลเยอะเกินไป แคลเซียมหาจากอาหารอย่างอื่นได้

พวกกุ้ง หอย ปู ปลาตัวเล็กๆ

ปลากรอบๆ ที่กินพร้อมกระดูกแบบนี้ก็โอเค

มีผักหลายอย่างที่มีแคลเซียม อาหารหลายอย่างที่มีแคลเซียม

กินผสมๆ กันไปเพื่อให้ได้แคลเซียม

แล้วก็ไปรับแสงแดดด้วย ไปออกกำลังกายด้วยกระดูกถึงจะแข็งแรง

ได้แคลเซียมไปอย่างเดียว แต่ไม่ออกกำลังกาย

ไม่โดนแดด แคลเซียมไม่เข้ากระดูก

แล้วก็ทำให้กระดูกพรุนซะเปล่าๆ

มาต่อกันที่น้ำสุขภาพชนิดที่ 2

นั่นก็คือน้ำผักผลไม้นั่นเอง

น้ำผักผลไม้เลยผมใช้คำนี้นะ

เพราะว่าอะไร คือต้องบอกว่าน้ำผักผลไม้ในปัจจุบัน

เราก็ไม่ได้ค่อยได้ทำเองใช่ไหม

เราก็ไปซื้อมาน้ำผักผลไม้ 100%

ผมก็ชอบทานบ้างเหมือนกันนะ มันมีรสชาติอร่อย

รสชาติอร่อยนั้นโดยส่วนใหญ่มันก็มีความหวานอยู่ด้วย

อันนี้เราพูดถึงน้ำผักผลไม้ 100% แล้วนะ

ไม่ใช่น้ำผักผลไม้ที่แบบผสมน้ำตาล

น้ำผักผลไม้ 30% 20% อันนั้นหนักกว่าอีก

น้ำตาลสูงแบบทะลุโลกมากๆ

แต่ถ้าเกิดน้ำผลไม้ 100% แล้ว

ใน 1 แก้ว จะเป็นน้ำส้ม น้ำแอปเปิ้ล น้ำฝรั่ง น้ำทับทิม

มีน้ำตาลพอๆ กับน้ำอัดลมเลย

น้ำส้ม 1 แก้ว มีน้ำตาลประมาณ 20-25 กรัม

น้ำอัดลมก็มี 20-25 กรัม เท่ากัน

ถ้าท่านทานน้ำผลไม้ 1 แก้วก็เท่ากับทานน้ำอัดลม 1 แก้ว

เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้วิตามินจากผลไม้จริงๆ

ก็แนะนำให้ทานผลไม้

ส่วนน้ำผลไม้ก็ทานได้บ้าง แต่ไม่ควรจะมากเกินไป

คราวนี้มาดูน้ำชนิดที่ 3 บ้าง น้ำชนิดนี้กำลังโด่งดังมากๆ

นั่นก็คือน้ำวิตามิน

คือผมอาจจะไม่อยากไปบอกว่ามันมีประโยชน์หรือมันไม่มีประโยชน์

ก็คือโดยตัวน้ำ ถ้าเราได้รับน้ำเพียงพอในร่างกาย

วันละประมาณ 2,000 cc ต่อวัน ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย

ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า น้ำแร่ น้ำวิตามิน น้ำอะไรก็ตาม

แต่อะไรที่ผสมมาในน้ำ เช่น น้ำตาล

ต้องบอกว่าวิตามินมันไม่ได้มีรสชาติอร่อยนะ

เวลาท่านทานน้ำวิตามินแล้วมันอร่อย มันมาจากน้ำตาลนะ

ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินบี วิตามินอะไรก็ตาม

ถ้าท่านทานน้ำวิตามินแล้วมันอร่อยมากๆ เลยนะ

ให้สงสัยเลยว่ามันอร่อยจากอะไร มันก็มักจะอร่อยจากน้ำตาล

เพราะงั้นก็ดูที่ฉลาก

ถ้าเกิดน้ำตาลแบบขวดหนึ่ง 200 cc

มีน้ำตาล 10-20 กรัม อย่างนี้มันก็เยอะเกินไป

เพราะฉะนั้นแล้วทานอะไรดี ก็ทานน้ำเปล่า

แล้วก็ไปกินพืชผักที่ผมเคยเล่าเคยบอกให้ฟัง

มันอยู่ในอาหารหมดแล้ว

ไอน้ำวิตามินที่แยกออกมา ถ้าท่านอยากทานบ้างก็ไม่ได้ห้ามอะไร

แต่ถ้าท่านทานวันละ 2 ขวด 3 ขวด

อย่างนี้ผมว่ามันก็ไม่แตกต่างกับท่านทานชาไข่มุก

ถ้ามันหวานมากๆ ต้องระมัดระวังเลย บางทีขวดเล็กๆ นิดเดียว

น้ำวิตามินขวดเล็กๆ รสชาติเข้มข้นมากเลย

น้ำตาลนี่ 5 กรัม 10 กรัม บางที่ 15 กรัม

เพราะฉะนั้นมันอันตรายมากๆ เสี่ยงเบาหวานมากๆ

เพราะฉะนั้นแล้วเลือกให้ถูกต้อง ทานให้พอเหมาะพอสม

อะไรมากไปก็ไม่ดีอะไรน้อยไปก็ไม่ดี

ฉลากโภชนาการดูทุกครั้ง

เพื่อชีวิตเพื่อสุขภาพของท่านเอง

มาต่อกันที่น้ำชนิดที่ 4 ที่มีประโยชน์

และผมว่าทุกท่านชอบทานมากๆ เลย

นั่นก็คือน้ำมะนาวน้ำผึ้งนั่นเอง

ต้องบอกว่าน้ำมะนาวน้ำผึ้งใหญ่ จริงๆ ก็สารพัดสารพันประโยชน์

น้ำมะนาวเป็นไง วิตามินซีสูง

น้ำผึ้งนะ ประโยชน์มากมายใช่ไหม

เอามารวมกันก็ซูปเปอร์ประโยชน์

ก็ต้องบอกว่ามันมีประโยชน์ เพียงแต่ว่าตัวน้ำผึ้ง

ไม่ได้บอกว่าน้ำผึ้งมีประโยชน์แล้วกินเท่าไหร่ก็ได้

น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา มีแคลอรี่มากกว่าน้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนชา อยู่เหมือนกัน

น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ประมาณ 22 kcal

แต่ถ้าน้ำตาลทรายขาวประมาณสัก 16 kcal

วันหนึ่งเราก็ไม่แนะนำให้ทานน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา

น้ำผึ้งก็เช่นกัน ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา

แต่ไม่ใช่ว่าทานน้ำตาล 6 ช้อนชา แล้วทานน้ำผึ้ง 6 ช้อนชา

คือถ้าท่านทานน้ำผึ้งไป 2 ช้อนชา

ท่านก็เหลือเวลาให้ทานน้ำตาลอีกแค่ 4 ช้อนชาเท่านั้นเอง

ไม่ใช่ว่าน้ำผึ้ง 6 น้ำตาล 6 ไม่ใช่ มันต้องเขาเรียกรวมกัน

เพราะฉะนั้นแล้วถ้าท่านทานน้ำมะนาวใส่น้ำผึ้ง

แล้วถ้าท่านใส่น้ำผึ้ง 2 ช้อนชาแล้ว

วันนั้นท่านมีลิมิตของน้ำตาลเพียงแค่ 4 ช้อนชาเท่านั้นเอง

ไม่ใช่ว่ากินน้ำผึ้งกินเท่าไหร่ก็ได้ไม่ใช่

มันก็ถ้ามากไปก็มีข้อเสีย แต่ถ้าวันละสัก 1 ช้อนชา 2 ช้อนชา

เอาเลยกินแล้วสดชื่นตอนเช้า ได้วิตามินซีจากมะนาว

เอาเลยนะ อุ่นๆ ร้อนๆ ลดเสมหะ แก้ไอ สุดยอด

มาต่อกันที่น้ำที่ 5 นั่นก็คือน้ำสมุนไพร

ต้องบอกว่าคำว่าสมุนไพร ผมต้องบอกว่ามันมีข้อดีมากมาย

ถ้ามีแพทย์แผนไทย แพทย์เกี่ยวกับเรื่องของสมุนไพรโดยเฉพาะ

อันนี้ผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์มากๆ

ถ้าใช้ได้ถูกต้องและเหมาะสม

เพียงแต่ว่าน้ำสมุนไพรที่เราทานๆ กันอยู่

มีการเก็บข้อมูลจากสถาบันอาหาร

เขาเก็บในกรุงเทพฯ นี่แหละ ไปสุมาน้ำสมุนไพรมา 5 ชนิด

สุ่มมา 5 ชนิด แล้วมาตรวจแล้วว่าไม่มีน้ำตาลอยู่เท่าไหร่

คือเขาไม่ได้ตรวจว่ามีสมุนไพรอะไร เขาตรวจน้ำตาลอะไรอยู่เท่าไหร่

ค่าเฉลี่ยต่อ 1 ขวด ประมาณ 200 cc

ก็จะมีน้ำตาลอยู่ประมาณ 10-30 กรัม เยอะมาก

ถ้า 30 กรัม แปลว่าวันหนึ่งท่านทานขวดเดียว

ไม่ต้องกินหวานอีกแล้ว มันเยอะจริงๆ

เพราะฉะนั้นน้ำสมุนไพรที่มีรสหวานมากๆ ขอให้ระวัง

เช่น อาจจะเป็นน้ำอัญชันหวานเจี๊ยบ น้ำใบเตยหวานเจี๊ยบ

ไม่ใช่น้้ำอัญชันใบเตยไม่ดี

เพียงแต่ว่าความหวานมันหวานเกินไป ต้องระมัดระวัง

น้ำขิงที่แบบหวานมากๆ อะไรอย่างนี้ต้องระมัดระวังมากๆ เลย

คือตัวสมุนไพรของดีของเขา

แต่น้ำตาลมันมาทำให้ความดีขอลดลง

แล้วถ้าเราทานมากเกินไป จะเป็นโทษกับเรา

อันตรายมากๆ เวลาน้ำตาลสูง

ก็ขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากเครื่องดื่มสุขภาพ

ดื่มแล้วต้องได้สุขภาพ ไม่ใช่เสียสุขภาพ

คราวผมขออนุญาตสรุป

5 เครื่องดื่มสุขภาพอันตรายกว่าที่คุณคิด

อันแรกเลย นม ฟังแล้วเหลือเชื่อ

นมไม่ว่าจะเป็นนมจืด นมหวาน นมเปรี้ยว

มีน้ำตาลทั้งนั้น ไม่ได้บอกว่านมไม่ดี

ทานได้วันละ 1 ขวด

โดยเฉพาะนมจืด ผมแนะนำว่า 1 กระป๋อง/กล่อง กำลังดี

แต่ถ้านมหวานอมเปรี้ยว อาจจะต้องเป็นขวดเล็กหรือกระป๋องเล็ก

เพราะว่าน้ำตาลเขาสูงจริงๆ

นมจืดดูเหมือนไม่มีน้ำตาล แต่เขามีน้ำตาลแลคโตสอยู่

ซึ่งไม่ค่อยหวานเท่าไหร่

ก็ประกอบด้วยน้ำตาลประมาณสัก 7-8 กรัมต่อกล่อง

วันหนึ่งถ้าเราทาน 3 กล่อง ก็หมดโควต้ากินน้ำตาลแล้ว

แต่ถ้าเป็นนมเปรี้ยวหรือว่านมหวานรสหวานรสช็อกโกแลต

มีน้ำตาลประมาณ 20 กรัม

แปลว่าวันหนึ่งกระป๋องหนึ่งหรือกล่องหนึ่ง

ก็แทบจะเลยลิมิตน้ำตาล 25 กรัมต่อวันของเราแล้ว

เพราะฉะนั้นระมัดระวังเรื่องของนมให้ดี

ถ้าท่านอาจจะทานนมเสริมแคลเซียมอย่างเดียวผมไม่แนะนำ

เพียงเป็นส่วนประกอบ แล้วไปกินอาหารอย่างอื่นเพิ่มเติม

เพื่อเสริมแคลเซียมจะดีต่อสุขภาพมากกว่า

ต้องหลายๆ อย่าง หลากหลายนั่นเอง

มาดูกันที่น้ำอย่างที่ 2 น้ำผักผลไม้ 100%

ใช้คำว่า 10% คือ 40% ผมไม่แนะนำให้ทานแล้วกัน

เพราะว่าน้ำตาลมันมหาศาล

แต่คราวนี้ถ้าเกิดน้ำผักผลไม้ 100%

เราก็ดูว่าน่าจะสุขภาพใช่ไหม ผมไม่ได้เถียงนะว่ามันมีสุขภาพดี

มีวิตามินอยู่พอสมควร แต่ก็อาจจะสู้ผักผลไม้สดๆ ไม่ได้นะ

เพราะมันผ่านกระบวนการเยอะแยะเลยใช่ไหม

คราวนี้เรามาเทียบกันน้ำผลไม้แก้วหนึ่ง

น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำทับทิม น้ำแอปเปิ้ล

แก้วหนึ่ง 200 cc มีน้ำตาลประมาณ 20-25 กรัม

เทียบได้กับน้ำอัดลมแก้วหนึ่งพอดีกันเลยนะ

ไม่ว่าจะเป็นน้ำสีดำ สีส้ม สีเหลือง สีขาวนะ

ประมาณ 20-25 กรัม

แปลว่าถ้าท่านทานน้ำผลไม้วันละ 3 แก้ว

ก็เท่ากับท่านทานน้ำอัดลมวันละ 3 แก้ว เพราะฉะนั้นระมัดระวัง

น้ำผลไม้ผมแนะนำว่าวันละไม่เกิน 1 แก้ว

วันละไม่เกิน 1 แก้ว แล้วไม่ควรจะทานทุกวันด้วย

ถ้าจะแนะนำให้ทานจริง แนะนำทานผลไม้สด

น้ำผลไม้ทานได้อาจจะวันเว้นวัน วันเว้นสองวัน อย่างนี้โอเค

มาดูกันที่น้ำที่ 3 ที่แฝงอันตรายไว้

นั่นก็คือน้ำวิตามินนั่นเอง

ดังมากๆ ตอนนี้น้ำวิตามินขายดีสุดๆ ใช่ไหม

ไม่ได้บอกว่าน้ำวิตามินไม่ดี เพียงแต่ว่าต้องดูส่วนประกอบ

ว่าข้างในนั้นมีอะไรแอบซ่อนอยู่บ้าง

ถ้าท่านทานน้ำวิตามิน แล้วมันหวานอร่อยกลมกล่อมมากๆ เลย

ให้ท่านผลิกฉลากดูหน่อย

ถ้าน้ำตาลแบบขวดหนึ่งน้ำตาล 10 กรัม 15 กรัม 20 กรัมนะ

อาจจะขออนุญาตให้ท่านเปลี่ยนไปยี่ห้ออื่น

หรือไปหาวิตามินจากอาหารอย่างอื่นทานจะปลอดภัยกว่า

เพราะว่าน้ำตาลมันสูงจริงๆ

โดยส่วนใหญ่แล้ววิตามินที่อยู่ในน้ำวิตามิน

มันก็ไม่ได้ถึงกับมากมายอะไรนักหนา

อยู่ในอาหารที่เรากิน อยู่ในผักอยู่ในผลไม้ที่เรากิน

ผมว่าเพียงพอแล้วต่อวัน ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสริมอะไรมากมาย

แต่ว่าถ้าท่านไหนอยากจะทานบ้าง ก็ทานได้ไม่ได้ห้ามอะไร

ถ้าเกิดไม่ได้ขัดสนเงินทองอะไร อยากจะทานก็ทาน

แต่อยากจะให้เลือกอันที่หวานน้อยๆ

หรือแทบไม่มีรสชาติอย่างนี้โอเคกว่า

มาต่อกันที่น้ำชนิดที่ 4 ที่แฝงอันตรายไว้

นั่นก็คือมะนาวน้ำผึ้งนั่นเอง

ฟังแล้วจี๊ดเลย เพราะว่าโดยส่วนใหญ่ชอบทาน

ก็ต้องบอกว่ามะนาวกับน้ำผึ้งมันดีทั้งคู่

มะนาววิตามินซีสูงปรี๊ด น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมาย

แต่น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ก็เปรียบเทียบได้กับน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

วันหนึ่งไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา

ถ้าท่านทานน้ำผึ้งไปแล้ว 2 ช้อนชา

ท่านก็เหลือโควต้าน้ำตาลทรายอีก 4 ช้อนชา

ไม่ใช่ว่าท่านทานน้ำผึ้งไป 6 ช้อนชา

ท่านทานน้ำตาลทรายได้อีก 1 ช้อนชา ไม่ใช่

มันเหมือนๆ กัน

เพราะฉะนั้นถ้าท่านทานมากไป โอกาสเสี่ยงเบาหวาน

โอกาสเสี่ยงเป็นโรคความดันสูง โรคหัวใจขาดเลือด

โรคหลอดเลือดตีบมีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นระมัดระวัง

และน้ำสุดท้าย น้ำชนิดที่ 5 นั่นคือน้ำสมุนไพร

สมุนไพรจริงๆ แล้วเป็นอะไรที่ดีมากๆ

เพียงแต่ว่าเวลาเราพูดคำว่าน้ำสมุนไพร เราต้องดูส่วนประกอบของมัน

สถาบันอาหารเขาไปสุ่มตรวจสอบมา 5 ชนิด

พบว่าค่าเฉลี่ยของน้ำตาลในน้ำสมุนไพร 200 cc

มีประมาณ 10-30 กรัม ซึ่งเยอะมากๆ

เพราะฉะนั้นถ้าวันหนึ่งท่านทานน้ำสมุนไพร 3 แก้ว

มีโอกาสเป็นเบาหวานเลย เพราะว่าน้ำตาลมันสูงจริงๆ

เพราะฉะนั้นเรื่องของน้ำสมุนไพรที่มีรสหวานมากๆ

ใส่น้ำตาลมากๆ ผมอยากจะให้หลีกเลี่ยง

ไปเลือกสมุนไพรที่ได้ประโยชน์ก็อาจจะดีกว่า

หรือว่ากระทะสมุนไพรก็ได้ แต่เลือกที่หวานน้อยๆ แล้วกัน

นี่ก็คือ 5 เครื่องดื่มสมุนไพรที่อันตรายกว่าที่คุณคิด

ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share

กด Subscribe และกดกระดิ่ง ขอบคุณครับ

[Total: 0 Average: 0]

Leave a Reply