หมอนิธิพัฒน์ บอก เริ่มมีสัญญาณจากหลาย รพ.ใหญ่ในกทม.และหัวเมืองใหญ่ ผู้ป่วยโควิดใน รพ.เพิ่มมากขึ้น จนศักยภาพขั้นต้นในการรองรับ เริ่มจะใกล้หมด
ระบุป่วย ‘โอมิครอน’ ไม่มีอาการ แต่บางรายหลังหายโควิด กลับพบปอดทำงานบกพร่อง
วานนี้ 9 ก.พ.65 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ
“เมื่อวานไม่น่าทักเขาเลย วันนี้ยอดพุ่งทะยาน หลังหยุดพักดูลาดเลาหนึ่งวัน ไปแตะที่เกือบสองหมื่นแล้ว โดยในบรรดา 77 จังหวัดทั้งหมดทั่วประเทศ มีเพียง 18 จังหวัดที่ยอดวันนี้เป็นตัวเขียวคือลดลงจากวันก่อน ส่วนที่เหลือติดตัวแดงกันถ้วนหน้า ทั้งนี้ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี รวมกันสี่จังหวัดมียอดคิดเป็น 36% ของทั้งประเทศ
เริ่มมีการส่งสัญญาณมาจากหลายรพ.ใหญ่ในกทม.และหัวเมืองใหญ่ ว่ามีผู้ป่วยโควิด รับไว้ในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นในช่วงสองสัปดาห์นี้ จนศักยภาพขั้นต้นในการรองรับเริ่มจะใกล้หมดแล้ว
แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่รับเข้ามาไว้ในโรงพยาบาลนั้น อาการที่รุนแรงไม่ได้เกิดจากโควิดโดยตรง แต่เป็นผลจากโรคเรื้อรังเดิมที่เปราะบางอยู่ก่อน โดยมักเป็นในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนไม่ครบหรือไม่ได้รับ มีบ้างที่ได้รับวัคซีนครบ แต่ภูมิคงขึ้นไม่ดีเพราะโรคพื้นฐานที่มีอยู่เดิม
มีเสียงถามเข้ามากันมากหลายว่า ประเทศไทยใกล้จะให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นหรือยัง ถ้าเห็นแนวโน้มการใช้เตียงในโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ น่าจะยังไม่ใช่เวลาอันเร็ววันนี้
อย่างไรก็ตามคงต้องเตรียมการกันไว้แต่เนิ่นๆ โดยทุกภาคส่วนจะต้องมีฉันทามติในการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ ว่านิยามของโรคประจำถิ่นที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ควรเป็นอย่างไร ตัวเลขที่สำคัญ เช่น ยอดผู้ติดเชื้อรายวัน ยอดผู้ป่วยที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลหลัก ยอดผู้ป่วยอาการรุนแรง และยอดผู้ป่วยที่เสียชีวิต จะต้องถูกกำหนดให้ชัดเจนและร่วมกันติดตาม ภาคนโยบายต้องมั่นใจว่าควบคุมสถานการณ์ในทุกด้านได้ดีแล้ว ภาคประชาชนต้องมั่นใจที่จะให้ความร่วมมือ ท้ายสุดภาคการแพทย์ต้องมั่นใจว่าจัดเตรียมศักยภาพไว้เพียงพอโดยไม่เบียดบังการดูแลรักษาผู้ป่วยอื่นที่ไม่ใช่โควิด
แม้คนที่ป่วยด้วยโควิดจากโอไมครอน ส่วนใหญ่จะเป็นแบบไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง แต่จะมีบางส่วนของคนกลุ่มนี้ที่เมื่อหายแล้วยังไม่สามารถมีกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เนื่องจากรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้นกว่าเดิมก่อนป่วย ได้มีการศึกษาในคนอเมริกันจำนวน 10 คนที่มีคุณสมบัติดังกล่าว โดยติดตามการทำงานของปอดและหัวใจ ขณะออกกำลังด้วยการขี่จักรยานอยู่กับที่ (cycle ergometer cardiopulmonary exercise testing) พบว่า มีการลดลงอย่างมากของสมรรถภาพการออกกำลังกาย เป็นผลจากเนื้อเยื่อทั่วร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อ ไม่สามารถดึงออกซิเจนไปใช้งานได้ดีเพียงพอ โดยที่การทำงานของหัวใจยังเป็นปกติ แต่การทำงานของปอดยังมีความบกพร่อง อันเป็นผลจากการออกแรงหายใจมากเกินควร (exaggerated hyperventilatory response) ทั้งที่ขณะป่วยส่วนใหญ่ไม่เกิดปอดอักเสบโควิดชัดเจน เห็นอย่างนี้แล้วอย่าปล่อยให้ตัวเองและคนที่เรารักติดโควิด ด้วยการระมัดระวังตัวเต็มที่ตามมาตรการควบคุมโรคโดยเฉพาะการหมั่นใส่หน้ากากเมื่อออกนอกบ้าน ควบคู่ไปกับเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด