Arsip Kategori: Rumah Sakit

ภูมิแพ้กำเริบขึ้นมาทีไร ก็หันไปมองเจ้าตัวดีที่นอนขนปุยอยู่ในบ้านทันที ความเชื่อที่ว่า “ขนน้องหมาน้องแมว” สามารถให้เป็นภูมิแพ้ หอบหืดได้ จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่? แล้วแบบนี้คนที่รักน้องๆสี่ขาเหล่านี้จะทำอย่างไรดีล่ะ วันนี้เราจะพาไปไขคำตอบ บอกเล่าความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันค่ะ

คุณรู้จักโรคลมชักดีแค่ไหน? โรคลมชัก ไม่ใช่แค่ ชัก กระตุก น้ำหลายไหล เหมือนที่หลายคนเข้าใจ เพราะอาการเกร็งมือ เกร็งเท้า แค่นาทีเดียวก็เป็นอาการของโรคลมชักได้ เรามาทำความเข้าใจกับ “โรคลมชัก” ให้มากขึ้นดีกว่า โรคลมชัก หรือที่คนโดยทั่วไปมักเรียกว่า “ลมบ้าหมู” เกิดจากคลื่นสมองที่ผิดปกติในสมองและกระตุ้นเซลล์สมอง จึงทำให้เกิดอาการชัก เกร็ง กระตุก น้ำลายไหล กัดลิ้น โดยที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ซึ่งโรคนี้พบได้บ่อยกับทุกเพศทุกวัย และที่สำคัญยังสามารถคร่าชีวิตได้ในชั่ววูบ ทางสถาบันประสาทวิทยาได้เก็บข้อมูลผู้ป่วยโรคลมชักในประเทศไทยพบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นโรคลมชักในสัดส่วน 7 คน ต่อ 1,000 คน ซึ่งได้มีรายงานระบุว่า ผู้ป่วยโรคลมชักประมาณร้อยละ 3 มีสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการชักเป็นแสงได้ เช่น ลักษณะรูปแบบเฉพาะของภาพแสงสี ความเข้มของแสง และบางคนอาจทำให้เกิดอาการไมเกรนได้อีกด้วยค่ะ

– นอนกรนตลอดทั้งคืน – พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนน้อยเกินไป – นอนเกินกว่า 9 ชม.ต่อคืน จะส่งผลต่อฮอร์โมนบางตัว ทำให้เลือดไหลไปยังสมองน้อยลง – ดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ก่อนนอน ส่งผลต่อการขยายหรือหดตัวของหลอดเลือด – ความเครียดสะสม

จังหวะที่กำลังดื่มน้ำ แล้วมีใครพูดอะไรตลกหรือเกิดผิดจังหวะขัดกับการหายใจ ผลที่ตามมาคือ น้ำพุ่งออกจากปาก “สำลัก” อยู่พักใหญ่ หลายๆคนเคยมีอาการแบบนี้ใช่ไหมล่ะคะ รู้รึเปล่า? ว่าการลำสักน้ำไม่ใช่แค่ทรมานอย่างเดียวนะ แต่อาจเสี่ยง “ปอดติดเชื้อ” ได้เลย ไม่ว่าน้ำนั้นจะมาจากแหล่งไหน แม้แต่น้ำสะอาดหากสำลักลงปอด ก็สามารถทำให้ปอดเกิดการติดเชื้อได้ เพราะน้ำลายมนุษย์มีเชื้อโรคอยู่แล้ว เช่น เชื้อแบคทีเรีย แอนแอโร ดังนั้นหากจะดื่มหรือทานอะไร ก็ต้องระมัดระวังตัวเองกันด้วยนะคะ

ข่าวอาชญากรรมมากมายบนหน้าฟีดในโลกออนไลน์ หลายต่อหลายครั้งที่เราเห็นใบหน้าของผู้กระทำผิดไร้ความสำนึกผิดใดๆ ก็เกิดข้อสงสัยว่าทำไมกันนะ เขาถึงฆ่าคนโดยไม่รู้สึกสำนึกผิดเลยหรอ? วันนี้เรามาทำความรู้จักกับโรค “ไซโคพาธ” (Psychopath) โรคจิตชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยไร้ความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำ ไม่เข้าใจความเห็นอกเห็นใจคนอื่นๆ ทั้งยังขาดความยับยั้งชั่งใจ และมักจะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง สิ่งที่สังเกตุได้ง่ายๆของผู้ป่วยโรคนี้คือ มักจะทำผิดซ้ำๆ และไม่รู้ตัวว่าการกระทำไม่ดีเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผิด ซึ่งความผิดปกตินี้สามารถเกิดจากความผิดปกติของสมองส่วนหน้า สารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ หรือเคยถูกทารุณกรรมในวัยเด็กส่งผลกระทบต่อจิตใจ ในส่วนของการรักษานั้นจะต้องเข้าพบจิตแพทย์ และควรได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดกันนะคะ

คิดว่าน่าจะมีหลายๆคนที่ยังเข้าใจผิด คิดว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” ไม่เป็นอันตราย และใช้ทดแทนสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ก้นกรองได้ ซึ่งจริงๆเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างมากเลยนะคะ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ได้ออกมาเปิดเผยถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ที่ไม่ใช่แค่อันตรายต่อปอดอย่างเดียว แต่ยังเป็นอันตรายกับร่างกายในหลายๆ ส่วน โดยน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice ที่บรรจุอยู่ในตลับเก็บน้ำยานั้น พบว่ามีส่วนผสมทั้ง นิโคติน โพรไพลีนไกลคอล กลีเซอรีน สารแต่งกลิ่นและรส ที่เป็นสาเหตุของปัญหาระบบทางเดินหายใจและปอด รวมถึงไอของบุหรี่ไฟฟ้ายังพบสารก่อมะเร็งในระดับสูง และมีสารพิษที่เข้าไปทำลายเซลล์ในปาก รวมถึงเหงือกและฟันอีกด้วย แถมยังมีการตรวจพบอีกว่า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าบางยี่ห้อ มีสารนิโคตินมากกว่าบุหรี่ก้นกรองถึง 20 เท่า! เรื่องที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยให้เลิกบุหรี่คงจะไม่ใช่เรื่องจริงแล้วล่ะค่ะ โทษสารพัดขนาดนี้ นอกจากจะไม่ช่วยยังเป็นตัวทำลายสุขภาพอย่างร้ายแรงอีกด้วยนะคะ

สำหรับใครที่กำลังตื่นตระหนกกับสิ่งรอบตัว อย่ามัวแต่กังวลใจจนมองข้ามสิ่งเล็กๆ อย่าง “ธนบัตร” ที่เราหยิบจับกันอยู่ทุกวัน จากผลการวิจัย ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาออกซฟอร์ด ได้ออกมาบอกว่า ธนบัตร 1 ใบ มีแบคทีเรียสะสมโดยเฉลี่ยถึง 26,000 ตัว เพราะธนบัตรหนึ่งใบเราใช้ต่อๆกันผ่านหลายมือ ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอุจจาระร่วง ลำไส้อักเสบ ปอดบวมหรือการแพร่กระจายเชื้อโรคอื่นๆได้อีกด้วย ดังนั้นจึงแนะนำให้หมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือพกแอลกอฮอล์เจลติดตัวพร้อมใช้งานอยู่เสมอ จะได้เป็นการป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคที่อยู่รอบตัวเราค่ะ

รับมือ #เด็กติดเกม – พาออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เพื่อไม่ให้รู้สึกเหงาหรือเบื่อ – พูดคุยและให้เด็กเข้ามามีส่วนร่วมในการวางกติกา กำหนดเวลาการเล่น – หลีกเลี่ยงการดุ บ่น ตำหนิ หรือใช้อารมณ์และถ้อยคำรุนแรง

หลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์นั่งทำงาน หรือนั่งอยู่เฉยๆ ก็มือ-เท้าชาขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ และคิดว่าบีบๆนวดๆ ปล่อยไว้ก็หายไปเอง แต่รู้หรือไม่ว่า อาการเหล่านี้น่ากลัวกว่าที่คิด เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของ “โรคปลายประสาทอักเสบ” ที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน คนทำงานหนักพักผ่อนน้อย คนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือคนที่ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่หรือร่างกายขาดวิตามินบางอย่าง (วิตามิน บี 1 บี 6 และบี 12) จนทำให้เส้นประสาทบางคู่เกิดการอับเสบ ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาอาจร้ายแรงถึงขั้นกล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ และการรับรู้ความรู้สึกอาจลดลงหรือหมดไปได้ ดังนั้นหากใครสังเกตตัวเองว่าเริ่มมีอาการแปลกๆ แนะนำให้เข้าพบแพทย์ เพราะการรักษาแต่เนิ่นๆ จะมีโอกาสทุเลาลงหรือหายขาดได้ค่ะ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มี “เหงื่อออกมากผิดปกติ” ออกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นมือ เท้า หรือบริเวณรักแร้ หากเราปล่อยให้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต อาจทำให้เสียบุคลิกภาพในการใช้ชีวิตประจำวัน จุดเริ่มต้นของ “เหงื่อ” หรือเรียกว่า “การหลั่งเหงื่อ” คือการถ่ายเทความร้อนของร่างกายออกไป อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรค “ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ“ คือภาวะที่ร่างกายขับเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมาก แม้ในสภาพอากาศปกติ อย่าลืมสังเกตว่ามีความผิดปกติกันหรือไม่ เพราะจุดสังเกตเล็กๆ เหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนหนึ่งว่าร่างกายของคุณกำลังเกิดความผิดปกติภายในร่างกายขึ้นได้ ดังนั้นหากใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนที่มีเหงื่อมาก หรือเหงื่อออกง่ายจนผิดปกติ แนะนำให้เข้าพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดนะคะ

เช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค สำหรับโทรศัพท์มือถือ ถอดกรอบโทรศัพท์ ปิดเครื่อง หยดน้ำยาทำความสะอาดลงบนผ้าหรือสำลีที่สะอาด เช็ดบริเวณหน้าจอและตัวเครื่องไปในทางเดียวกัน โดยไม่วนกลับไปมา จากนั้นใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูเช็ดให้แห้งอีกครั้ง ใช้คอตตอนบัดหรือไม้เล็กๆ พันสำลี ทำความสะอาดตามขอบปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มปิด-เปิดเครื่องห้ามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของสารตัวทำละลาย แอมโมเนีย หรือสารกัดกร่อน และไม่ควรใช้น้ำยาเช็ดกระจก หรือน้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือน

“ปอด” เป็นอวัยวะที่ติดเชื้อง่าย และจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรง ดังนั้นใครก็ตามหากมีภูมิต้านทานต่ำแล้วไปอยู่ใกล้ชิดผู้ที่เป็นโรคปอดหรืออยู่ในพื้นที่มลภาวะสูง ก็อาจเกิดโรคได้ง่ายกว่าคนทั่วไป การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอจะลดความเสี่ยงต่อโรคปอดลงได้ 💚ตรวจสุขภาพปอด💚ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด💚โปรแกรมส่องกล้องหลอดลม

กะหล่ำปลี มีกรดทาทาริก (Tartaric acid) ลดการเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลเป็นไขมันสะสม ช่วยลดน้ำหนักทางอ้อมกะหล่ำปลีเขียว มีวิตามินเค มากกว่ากะหล่ำปลีม่วง 2 เท่า ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกกะหล่ำปลีม่วง มีสารต้านอนุมูลอิสระแอนโทไซยานิน มากกว่ากะหล่ำปลีเขียว ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง สำหรับคนที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ(Hypothyroidism) ควรปรุงให้สุกด้วยการต้ม เพราะในกะหล่ำปลีดิบมี “สารกอยโตรเจน”(Goitrogen) ที่ขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์

หาสาเหตุที่ทำให้เครียด และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุนั้น ออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ ออกไปเจอเพื่อนเพื่อพูดคุย และระบายปัญหาต่างๆ ให้เวลากับตัวเอง เช่นจัดบ้าน โต๊ะทำงาน ปลูกต้นไม้เล็กๆ หรือแจกันดอกไม้สร้างความสดชื่น