ไวรัสตับอักเสบซี (Heptatitis C) คือโรคที่มีสาเหตุจากการอักเสบและติดเชื้อของตับ ซึ่งภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด ซี (Hepatitis C virus : HCV) โดยการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง
เชื้อไวรัสตับอักเสบซีไม่เหมือนกับไวรัสตับอักเสบเอหรือไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสตับอักเสบซี ถึงแม้ว่าอาจมีการผลิตในอนาคต แต่ไวรัสตับอักเสบซีมีแนวโน้มแพร่เชื้อและติดต่อกันสูง หากมีการแพร่กระจายของผู้ที่เป็นโรคไวรัสดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
ไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง
โดยปกติอาการของไวรัสตับอักเสบซีชนิดเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่สัปดาห์ แม้ว่าอาการของไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรังจะเกิดขึ้นหลายเดือน แต่ในระยะแรกมักไม่มีอาการใดปรากฎขึ้น องค์การอนามัยโลกได้ประมาณการว่าอาจมีประชากรมากกว่า 71 ล้านคนที่ป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง
สาเหตุ ไวรัสตับอักเสบซี
ไวรัสตับอักเสบซีติดต่อกันผ่านการสัมผัสเลือดของผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี โดยสามารถแพร่กระจายผ่านช่องทางดังนี้:
- การปลูกถ่ายอวัยวะ
- การรับเลือด
- การใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น แปรงสีฟัน หรือมีดโกน
- การใช้เข็มร่วมกัน
- การคลอดบุตร (โดยติดเชื้อจากแม่สู่ลูก)
- การมีเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่มีเลือดออกขณะร่วมเพศ
อาการ ไวรัสตับอักเสบซี
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (The Centers for Disease Control and Prevention: CDC) คาดการว่าประมาณร้อยละ 70-80 ของคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบซี ไม่แสดงอาการ ในขณะที่บางคนมีอาการเพียงเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง โดยมีอาการดังนี้ :
- มีไข้
- ปัสสาวะสีเข้ม
- เบื่ออาหาร
- ปวดท้อง หรือไม่สบายท้อง
- ปวดข้อ
- มีอาการดีซ่าน
โดยอาการต่างๆเหล่านี้ อาจจะไม่ปรากฎขึ้นทันทีเมื่อติดเชื้อ และบางครั้งอาจมีอาการเกิดขึ้นหลังได้รับเชื้อไวรัสเป็นเวลา 6-7 สัปดาห์
การรักษา ไวรัสตับอักเสบซี
ทุกคนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา เนื่องจากบางคนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถต่อต้านการติดเชื้อได้จึงไม่เกิดการติดเชื้อ หากเป็นดังนั้น แพทย์สามารถเฝ้าระวังและติดตามการทำงานของตับจากการตรวจเลือดได้เท่านั้น
สำหรับผู้ที่ภูมิคุ้มกันไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ การรักษาไวรัสตับอักเสบซีก็มีหลายประเภท โดยส่วนใหญ่จะสงวนไว้รักษาในผู้ที่ตับถูกทำลายจนเกิดแผลเป็นและไม่ได้เป็นโรคอื่นๆร่วมด้วย