การตรวจเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus – HIV)

การตรวจ  Human  Immunodeficiency  Virus (HIV) antibodies  test เป็นการตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ HIV ในซีรั่ม  เชื้อ   HIV เป็นเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ (acquired  immunodeficiency  syndrome; AIDS) การแพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้นโดยการสัมผัสโดยตรงกับเลือดของคนไปยังน้ำในร่างกายที่มีเชื้อไวรัสอยู่ด้วย เชื้อไวรัสอาจจะแพร่จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง โดยการได้รับเลือดที่ปนเปื้อนเชื้อโรคและผลิตภัณฑ์ของเลือด ได้รับเชื้อระหว่างมีเพศสัมพันธ์ (sexual intercourse) กับผู้ที่มีการติดเชื้อเอดส์ เมื่อใช้เข็มฉีดยาร่วมกันและจากมารดาที่ติดเชื้อเอดส์และแพร่ให้ลูกระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมลูก
             การตรวจเลือดที่ให้ผลเร็วโดยใช้วิธี  enzyme linked immunosorbent   assay (ELISA) วิธีนี้ให้ผลเร็วมีความไวและมีความแม่นยำในการตรวจ (sensitivity and  specificity) ร้อย 99.9 หากให้ผลบวกต้องยืนยันการวินิจฉัยโดยวิธี Western  blot  test  หรือimmunofluorescence  assay 

การตรวจเลือดเอชไอวี  เมื่อเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายร่างกายจะค่อย ๆ สร้างภูมิต้านทานที่เฉพาะต่อเชื้อไวรัส  เรียกว่าแอนติบอดีต่อเอชไอวี ซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่า  การตรวจเลือดเอชไอวีแท้ที่จริงแล้วเป็นการตรวจเลือดหาแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวีไม่ใช่เป็นการตรวจหาตัวเชื้อและไม่ใช่ตรวจหาเอดส์ (เอดส์เป็นชื่อโรคที่ไม่ใช้ชื่อตัวเชื้อ) การตรวจเลือดเอชไอวีเป็นเพียงแต่บอกว่าติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่  ระยะเวลาระหว่างที่ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อภายหลังจากได้รับตัวเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายเรียกว่าระยะเวลาวินโดว์ (window  period) ซึ่งช่วงเวลานี้จะยังไม่มีแอนติบอดีแต่มีการติดเชื้อ แล้วดังนั้นจึงยังไม่สามารถตรวจหาแอนติบอดีได้ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลานานประมาณ  2 – 12  สัปดาห์จึงจะสร้างแอนติบอดีได้มากพอที่จะทำการตรวจพบ  และผู้ป่วยทุกรายที่ติดเชื้อ (ร้อยละ 99)  จะใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือนต้องตรวจพบแอนติบอดีได้แน่นอน

วัตถุประสงค์


1.เพื่อคัดกรองการติดเชื้อ HIV ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
2.เพื่อคดกรองผู้บริจาคเลือดว่ามีเชื้อ HIV หรือไม่

ผลการตรวจที่เป็นปกติ

ค่าปกติ   แอนติบอดีต่อเอชไอวี (HIV  antibodies) ได้ผลลบ
ผลการตรวจเลือดหาแอนติบอดีต่อเอชไอวี  เป็นผลลบ  หมายความว่าหากไปรับการตรวจเลือดในช่วงที่เรียกว่า  “ระยะเวลาวินโดว์” หรือระยะเวลาที่ร่างกายกำลังสร้างแอนติบอดีแต่ปริมาณไม่มากพอที่ตรวจพบจะทำให้ได้ผลลบซึ่งต้องใช้เวลาสร้างแอนติบอดีนาน 3 – 6 เดือนจึงจะให้ผลบวก  ดังนั้นหากมีเพศสัมพันธ์หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง ต่อการติดเชื้อครั้งสุดท้ายไม่นานพอหรือไม่ถึง 3 เดือนผลเลือดจะออกมาเป็นลบ ควร ไปรับการตรวจเลือดซ้ำอีกครั้ง 6 เดือนหลังจากมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อครั้งสุดท้ายถ้าได้ผลลบ แสดงว่า ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ แต่ไม่ใช่ว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อไปของผู้ป่วยจะไม่ติดเชื้อหากผู้ป่วยไม่ป้องกันทุกครั้ง

ผลการตรวจที่ผิดปกติ

ผลการตรวจเลือดหาแอนติบอดีต่อเอชไอวี เป็นผลบวก  หมายความว่า  เมื่อร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวีแล้ว  การทดสอบเอชไอวีจะได้ผลบวกแสดงว่าร่างกายได้รับเชื้อเอชไอวี หรือเรียกว่า ผู้ติดเชื้อแต่ยังไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคเอดส์ถ้าร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี เชื้อเอชไอวีที่เป็นสายพันธุ์ไม่รุนแรงกว่าจะกลายเป็นโรคเอดส์ใช้เวลานาน 10 – 20 ปี แต่โดยเฉลี่ยร้อยละ 80 – 90 ของผู้ติดเชื้อเอชไอวี  จะกำเริบเป็นโรคเอดส์  ใช้เวลานาน 8 – 10 ปีการที่เป็นผู้ติดเชื้อไม่ใช่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ เพียงแต่ให้ป้องกันทุกครั้งหรือใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกต้องก็จะไม่แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ที่ควรไปรับการตรวจเลือด  มีดังนี้

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยกับผู้ติดเชื้อไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีใดก็ตาม
  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในผู้ติดยาเสพติดชนิดฉีดหรือถูกเข็มหรือของมีคมที่ปนเดือนเลือดหรือของเหลวจากร่างการของผู้ติดเชื้อเอชไอวีทิ่มตำ
  • ทารกที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อ หรือทารกที่ดูดนมจากมารดาหรือสตรีที่ติดเชื้อเอชไอวี
  • มีประวัติได้รับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือด หรือรับการปลูกถ่ายอวัยวะในระหว่างปี พ.ศ. 2512 – 2528 หรือได้รับเลือดจากประเทศด้อยพัฒนา
  • เคยมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นหลายราย
  • มีประวัติเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หนองในแท้  หนองในเทียมเริม  หงอนไก่  โลน  ในช่วงระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา
  • ได้รับการวินิจฉัยเป็นวัณโรค
  • มีอาการหรืออาการแสดงที่น่าสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อเอชไอวีเฉียบพลัน
[Total: 1 Average: 2]