- ให้ดูแลปฏิบัติตัวเหมือนไข้หวัด คือ พักผ่อนหรือห้ามอายน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเวลามีไข้ขึ้นสูง ดื่มน้ำ และน้ำหวานหรือน้ำผลไม้มาก ๆ
ไม่ต้องงดของแสลง แต่ควรให้กินอาหารประเภทโปรตีน (เช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่ว ต่าง ๆ) มาก ๆ - ให้การรักษาตามอาการ เช่น ถ้ามีไข้ให้พาราเซตามอล ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม ถ้าไอให้จิบน้ำผึ้งผสมมะนาวหรือยาแก้ไอ เป็นต้น
- ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะตั้งแต่ระยะแรกเป็นเพราะนอกจากไม่มีความจำเป็นเนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสแล้วยังอาจทำให้เกิดโรคบอดบวมอักเสบชนิดร้ายแรงแทรกซ้อน (จากเชื้อสแตฟีโลค็อกคัส เข้าไปซ้ำเติม) ซึ่งยากแก่การรักษาได้
- ถ้ามีอาการท้องเดิน ให้การรักษาแบบท้องเดิน
- ถ้ามีอาการไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว หรือ ใช้เครื่องฟังตรวจปอดมีเสียงกรอบแกรม (crepitation) หรือเสียงอึ๊ด (rhonchi) ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี อะม็อกซีซิลลิน หรือ อีริโทรไมซิน
- ถ้ามีอาหารหอบมาก หรือนับการหายใจเร็วกว่าปกติ (สงสัยเป็นโรคปอดอักเสบอย่างรุนแรง) หรือท้องเดินจนมีอาการขาดขาดน้ำรุนแรง หรือซึม ชัก (สงสัยเป็นสมองอักเสบ) ควรส่งโรงพยาบาลด่วน อาจมีอันตรายถึงตายได้
- ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคหัดให้แน่ชัดแพทย์จะทำการทดสอบทางน้ำเหลืองเพื่อหาระดับสารภูมิต้านทานต่อไวรัสหัดหรือตรวจหาเชื้อหัดจากจมูกเยื่อบุตา ปัสสาวะ หรือเลือดของผู้ป่วย
[Total: 0 Average: 0]