หัดดอกกุหลาบ คือ ไข้ร่วมกับผื่นขึ้นที่พบในเด็กเล็กในช่วงอายุ 3 เดือนถึง 3 ปี พบบ่อยที่สุดในช่วงอายุ 6 -12 เดือน และพบในน้อยมากในเด็กอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
โบราณเรียกผื่นที่ขึ้นร่วมกับไข้ว่า ส่าไข้ เนื่องจากเด็กเล็กที่เป็นส่าไข้มักมีสาเหตุจากไข้ผื่นกุหลาบในทารก ดังนั้น เมื่อพูดถึงส่าไข้ในเด็กจึงมักจะหมายถึงโรคนี้
สาเหตุ หัดดอกกุหลาบ
เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า human herpesvirust type 6 (HHV6) เป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งก็อาจเกิดจาก human herpesvirus type 7 (HHV7) เชื้อมีอยู่ในเสมหะและน้ำลายของผู้ป่วย ติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือหรือจามรด หรือโดยการสัมผัสมือ สิ่งของ (เช่น แก้วน้ำ) หรือสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนเชื้อแบบเดียวกับไข้หวัด ระยะฟักตัว 5 – 15 วัน
อาการ หัดดอกกุหลาบ
มีไข้สูงเกิดขึ้นฉับพลัน อาจมีลักษณะตัวร้อนตลอดเวลา แต่เล็กส่วนใหญ่จะยังร่าเริงและดื่มนม ดื่มน้ำ กินอาหารได้ดี บางรายอาจมีอาการหงุดหงิดงอแงหรือเบื่ออาหารเล็กน้อย ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย แต่บางรายอาจมีอาการเจ็บคอ น้ำมูกใส ไอ หรือท้องเดินเล็กน้อย บางรายขณะไข้ขึ้นสูงอาจมีอาการชักจากไข้
อาการไข้จะมีอยู่ประมาณ 3 – 5 วัน แล้วอยู่ ๆ ไข้ก็ลดลงเป็นปกติ ในช่วงที่ไข้ลดหรือหลังจากไข้ลดภายในไม่กี่ชั่วโมงจะมีผื่นเล็ก ๆ สีแดงคล้ายกุหลาบขึ้น โดยเริ่มขึ้นที่หน้าอก หลัง ท้อง แล้วกระจายไปที่คอและแขน อาจขึ้นไปที่หน้าหรือลงไปที่ขาหรือไม่ก็ได้ ผื่นจะไม่คัน และจะเป็นอยู่นานไม่กี่ชั่วโมงถึง 2 วัน แล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว ขณะผื่นขึ้นเด็กจะกลับมาแข็งแรงเป็นปกติทุกอย่าง
บางรายอาจมีไข้สูงเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีผื่นขึ้นหรืออาจมีผื่นจาง ๆ ไม่ชัดเจน ทำให้วินิจฉัยไม่ได้แน่ชัด
สิ่งตรวจพบ หัดดอกกุหลาบ
ในระยะก่อนผื่นขึ้น จะพบไข้ 39.5 – 40.5 ๐ซ. อาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตที่บริเวณหลังหู ท้ายทอย หนังตาบวมเล็กน้อย เยื่อบุตาแดง
ในระยะไข้ลดแล้ว จะพบผื่นราบสีแดงขนาด 2 - 5 มม. ที่ลำตัวและแขน (ส่วนที่หน้าและขามักเห็นไม่ชัด) ผื่นบางจุดอาจมีลักษณะนูนเล็กน้อย หรืออาจมีวงสีแดงจาง ๆ อยู่รอบ ๆ ผื่นแดง
ภาวะแทรกซ้อน หัดดอกกุหลาบ
อาจทำให้เกิดอาการชักจากไข้นานประมาณ 2 - 3 นาที พบได้ประมาณร้อยละ 6 - 15 ของผู้ป่วย และนับเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของทารกที่มีอาการชักจากไข้
อาจมีสมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือตับอักเสบแทรกซ้อน ซึ่งพบได้น้อยมาก
เด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ ตับอักเสบ ไขกระดูกไม่ทำงาน เป็นต้น
การป้องกัน หัดดอกกุหลาบ
- โรคนี้พบบ่อยในทารกและเด็กเล็ก ถ้าพบเด็กวัยนี้มีไข้สูงหรือตัวร้อนตลอดเวลา โดยท่าทางค่อนข้างสบายดี ควรนึกถึงโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเด็กกลับเป็นปกติดีหลังไข้ลงและมีผื่นขึ้นแล้ว
- พ่อแม่หรือผู้ปกครองมักพาเด็กไปพบแพทย์เมื่อเด็กไข้ลงและมีผื่นขึ้นแล้ว เพราะกังวลว่าจะเป็นหัด โรคนี้แยกจากหัด คือโรคนี้หลังผื่นขึ้นเด็กจะหายตัวร้อนและสบายดี แต่โรคหัดนั้นขณะผื่นขึ้นจะมีไข้สูงต่อไปอีกหลายวัน นอกจากนี้ผื่นของโรคนี้จะขึ้นที่ลำตัวก่อน และเป็นผื่นเล็ก ๆอยู่แยก ๆ กัน
ในขณะที่หัดจะขึ้นที่ใบหน้าก่อนแล้วค่อยกระจายลงล่าง และผื่นมักแผ่รวมกันเป็นแผ่นใหญ่ - โรคนี้ส่วนใหญ่มักหายได้เองภายใน 3 – 5 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ และจัดว่าไม่มีอันตรายแต่อย่างใด นอกจากอาจทำให้เกิดอาการชักจากไข้ หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนในเด็กที่ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
การรักษา หัดดอกกุหลาบ
- ระยะมีไข้สูง ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวและให้พาราเซตามอล ห้ามให้แอสไพริน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์
ซินโดรม ถ้ามีอาการชักร่วมด้วย ให้ดูแลแบบชักจากไข้ - ระยะผื่นขึ้น ซึ่งไข้ลงแล้วและเด็กท่าทางสบายดี ก็ไม่ต้องให้ยาอะไรเพียงแต่ อธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจและหายกังวล
- การวินิจฉัยจะดูจากลักษณะอาการแสดงเป็นสำคัญ กรณีที่จำเป็น จะยืนยันด้วยการทดสอบทางน้ำเหลือง เพื่อหาระดับสารภูมิต้านทานต่อ
ไวรัสก่อโรค