โดยทั่วไปแล้วเชื้อราสามารถจะติดเชื้อได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยปกติในร่างกายคนเรานั้นมีเชื้อราและ แบคทีเรียอยู่ในร่างกายหลายชนิด แต่เมื่อเชื้อราเริ่มมีมากเกินไปอาจจะสามารถติดเชื้อได้
Onychomycosis หรือที่เรียกว่าเกลื้อน unguium เป็นการติดเชื้อราที่ส่งผลต่อเล็บมือหรือเล็บเท้า โดยผู้ป่วยจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีเล็บที่ต่างออกไปจากเดิมเมื่อติดเชื้อได้ระยะหนึ่ง
ประเภท เชื้อราที่เล็บ
การติดเชื้อใต้ผิวหนังส่วนปลาย
การติดเชื้อใต้ผิวหนังส่วนปลายเป็นการติดเชื้อราที่เล็บสามารถเกิดได้ทั้งในเล็บมือและเล็บเท้า เมื่อติดเชื้อขอบด้านนอกของเล็บจะมีรอยหยักมีริ้วสีขาวหรือสีเหลืองบริเวณเล็บ และสามารถติดเชื้อภายใต้เล็บได้ด้วย
การติดเชื้อด้านบนของเล็บ
การติดเชื้อราด้านบนผิวเล็บขาวมักจะเกิดขึ้นกับเล็บเท้า ชั้นบนสุดของเล็บและทำให้เกิดจุดสีขาวบนเล็บ ปล่อยไว้นานขึ้นเชื้อราสีขาวบนเล็บจะกระจายไปทั่วเล็บและส่งผลให้เล็บเป็นหลุมและมีความหยาบ
การติดเชื้อใต้ผิวหนังและบริเวณใกล้เคียง
การติดเชื้อใต้ผิวหนังบริเวณใกล้เคียนั้นไม่ได้พบบ่อย และถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติและการติดเชื้อเช่นนี้เป็นได้ทั้งเล็บมือและเล็บเท้า โดยฐานเล็บจะมีจุดสีเหลืองเกิดขึ้นก่อนและหลังจากนั้นจะลุกลามไปทั่วทั้งเล็บ
การติดเชื้อแคนดิดา
เชื้อยีสต์แคนดิดามักมีการติดเชื้อเริ่มจากผิวรอบ ๆ บริเวณเล็บ โดยจะก่อให้เกิดอาการบวมแดง ระคายเคืองง่าย และอาจจะส่งผลให้เล็บหลุดหรือแยกออกจากฐานเล็บได้
สาเหตุ เชื้อราที่เล็บ
เชื้อราคือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแสงแดด มักอาศัยอยู่ในบริเวณที่อุ่นและชื้น ด้วยขนาดที่เล็กมากทำให้มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยาก และจึงสามารถเข้าไปอาศัยในร่างกายได้ผ่านแผลขนาดเล็กหรือร่องระหว่างเล็บและเนื้อเยื่อรองเล็บ (Nail Bed) เชื้อราบางชนิดมีประโยชน์ แต่บางชนิดก็ก่อโทษแก่ร่างกาย เชื้อรากลุ่มหลักที่ทำให้เกิดโรคเชื้อราในเล็บได้แก่เชื้อราชนิด Dermatophyte เป็น
เชื้อราที่เล็บมีโอกาสเกิดกับบุคคลทุกเพศ ทุกวัย โดยมีปัจจัยหรือพฤติกรรมบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเชื้อราที่เล็บได้ ดังนี้
- ไม่รักษาความสะอาดของเท้า หรือเดินเท้าเปล่าในพื้นที่สาธารณะซึ่งชื้นหรือมีน้ำท่วมขัง เช่น ห้องอาบน้ำสาธารณะ สระว่ายน้ำ เป็นต้น
- สวมรองเท้าที่คับหรืออับชื้น
- มีแผลบริเวณเล็บนิ้วมือ เล็บนิ้วเท้า
- ล้างมือบ่อย หรือต้องทำงานที่ทำให้มือชื้นตลอดเวลา เช่น ทำอาหาร ทำความสะอาด เป็นต้น
- เชื้อราในเล็บเท้าอาจติดต่อไปยังเล็บมือได้ หากผู้ป่วยใช้มือเกาหรือสัมผัสกับเท้าบริเวณที่เป็นโรค
- เป็นโรคน้ำกัดเท้า ซึ่งเกิดจากเชื้อราบนผิวหนังบริเวณนิ้วเท้า โดยเชื้อราอาจลุกลามจากบริเวณนิ้วเท้ามาที่เล็บเท้าได้ หากผู้ป่วยไม่ได้รักษาโรคน้ำกัดเท้าอย่างทันท่วงที
- เป็นโรคเฉพาะบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน
- มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ
- สูบบุหรี่
อาการ เชื้อราที่เล็บ
การติดเชื้อราที่เล็บอาจเป็นแค่เล็บเดียวหรือหลายเล็บก็เป็นได้
สัญญาณทั่วไปของการติดเชื้อราที่เล็บ ได้แก่:
- เล็บที่บิดเบี้ยว และหลุดออกจากฐานเล็บ
- เล็บส่งกลิ่นเหม็น
- เล็บหนาขึ้นแต่มีการแตกหัก ปรุ เป็นรู
การรักษา เชื้อราที่เล็บ
โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ตามร้านขายยาทั่วไป เนื่องจากไม่ได้ให้ผลลัพธ์แน่นอน ทั้งนี้แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาชนิดรับประทานให้เพื่อบรรเทาและรักษาอาการติดเชื้อราที่เล็บ โดยยาเหล่านี้คือ:
- terbinafine (Lamisil)
- itraconazole (Sporanox)
- fluconazole (Diflucan)
- griseofulvin (Gris-PEG)
นอกจากนี้แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านเชื้อราอื่น ๆ ที่เป็นครีมหรือยาทาเชื้อราที่เล็บ เพื่อนำมาทาเคลือบไว้บนเล็บ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อราที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อและความรุนแรงของการติดเชื้อ ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลาหลายเดือน แต่การรักษาทั่วไปอาจจะไม่สามารถช่วยให้เชื้อราที่เล็บเท้าหายไปได้