ไวรัสโรต้า (Rotavirus)

เชื้อไวรัสโรคต้า (Rotavirus) เป็นการติดเชื้อชนิดหนึ่งที่ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถเกิดการติดต่อได้สูงและแพร่กระจายได้ง่าย โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน แม้ว่าโดยปกติจะมีอาการติดเชื้อที่รุนเเรงน้อยกว่า

ข้อมูลจากสถาบันป้องกันและควบคุมโรครายงานว่าก่อนที่จะมีการผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโรต้าเกิดขึ้นในปี 2006 การติดเชื้อจากไวรัสชนิดนี้ทำให้มีสถิติประจำปีดังต่อไปนี้เกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ในประเทศสหรัฐอเมริกา

  • มีเด็กจำนวน 400,000 ไปพบกุมารแพทย์
  • มีเด็กจำนวนระหว่าง 55,000 และ 70,000 รายนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
  • มีเด็กจำนวนอย่าง 200,000 รายเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉิน
  • มีเด็กจำนวนระหว่าง 20 และ 60 เสียชีวิต

การใช้วัคซีนเพื่อรักษาการติดเชื้อจากไวรัสโรต้ามีประสิทธิภาพมากกว่า 90 เปอร์เซนต์ เพื่อการป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่รุนเเรงได้

การติดเชื้อไวรัสโรต้าไม่สามารถรักษาด้วยการใช้ยา โดยปกติเชื้อไวรัสโรต้าสามารถหายไปได้เอง อย่างไรก็ตามภาวะขาดน้ำเป็นอาการที่น่ากังวลมากที่สุด ดังนั้นควรทราบว่าเมื่อไหร่ควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อชีวิต

สาเหตุ ไวรัสโรต้า

เชื้อไวรัสโรต้าแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากเชื้อชนิดนี้ทนต่อสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกายคนได้นาน โดยจะเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานอาหารหรือการดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ รวมถึงการนำนิ้วมือที่สัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าปาก นอกจากนี้ เชื้อไวรัสโรต้ายังสามารถปะปนไปกับอุจจาระของผู้ติดเชื้อตั้งแต่ในช่วงก่อนที่จะแสดงอาการป่วย และสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายต่อไปได้นานถึง 10 วันหลังหายดีแล้ว บุคคลเหล่านี้จึงกลายเป็นพาหะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว

โรคติดเชื้อไวรัสโรต้าเกิดขึ้นได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่กลุ่มต่อไปนี้จะมีความเสี่ยงมากกว่าบุคคลทั่วไป

  • ทารกที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี โดยเฉพาะทารกที่อยู่ในศูนย์ดูแลเด็กเล็ก
  • ผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ดูแลเด็กเล็ก เช่น พ่อแม่ ครู พี่เลี้ยงเด็ก เป็นต้น

อาการ ไวรัสโรต้า

อาการไวรัสโรต้าในเด็ก

อาการของเชื้อไวรัสโรต้ามีลักษณะอาการที่โดดเด่นมากที่สุดเมื่อเกิดขึ้นกับเด็ก  อาการของการติดเชื้อไวรัสเริ่มเกิดขึ้นภายใน 2 วันหลังจากสัมผัสกับเชื้อ ซึ่งโดยปกติอาการไวรัสโรต้าคืออาการท้องเสียอย่างรุนเเรง นอกจากนี้การติดเชื้อไวรัสในเด็กยังทำให้มีอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้น

  • อาเจียน
  • อ่อนล้าอย่างรุนเเรง
  • มีไข้สูง
  • หงุดหงิดง่าย
  • มีภาวะขาดน้ำ
  • ปวดท้อง

ภาวะขาดน้ำเป็นสิ่งที่น่าเป็นกังวลที่สุดในเด็ก ซึ่งกลุ่มเด็กในช่วงอายุนี้มีร่างกายที่อ่อนแอเนื่องจากการสูญเสียน้ำและสารอิเล็กโทรไลต์ผ่านการอาเจียนและอาการท้องร่วงรวมถึงการที่พวกเขามีน้ำหนักตัวน้อย ดังนั้นคุณจำเป็นต้องสังเกตุอาการของภาวะขาดน้ำอย่างระมัดระวัง ซึ่งได้แก่อาการดังต่อไปนี้ 

  • ปากแห้ง
  • ตัวเย็น
  • ไม่น้ำตาเมื่อร้องไห้
  • ปัสสาวะน้อยลง (หรือผ้าอ้อมเด็กเปียกน้ำ)
  • มีอาการตาโหล

อาการไวรัสโรต้าในผู้ใหญ่

สำหรับผู้ใหญ่สามารถมีอาการติดเชื้อจากไวรัสโรต้าได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามในผู้ใหญ่ที่มีร่างกายเเข็งเเรงจะมีอาการติดเชื้อที่ไม่รุนเเรงหรือบางคนอาจไม่มีอาการติดเชื้อไวรัสโรต้าเกิดขึ้นเลย

การรักษา ไวรัสโรต้า

ปัจจุบันยังไม่มียารักษาหรือวิธีรักษาที่สามารถทำให้เชื้อไวรัสโรต้าหายไปได้ มีเพียงแต่ยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อตามอาการที่เกิดขึ้นเช่น ยาต้านไวรัส ยารักษาอาการท้องเสียและยาปฏิชีวนะ 

สำหรับเป้าหมายการรักษาเชื้อไวรัสโรต้ามีจุดประสงค์เพื่อทำให้ร่างกายไม่เกิดภาวะขาดน้ำในขณะที่กำลังพยายามขับเชื้อไวรัสออกจากร่างกาย วิธีดังต่อไปนี้เป็นข้อควรปฏิบัติในช่วงที่เกิดการติดเชื้อไวรัสโรต้า

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ทานอาหารที่มีน้ำซุปเป็นหลัก
  • ทานไอศครีม Pedialyte หรือผงเกลือแร่ชง (เป็นสิ่งที่ควรให้เด็กทานเมื่อมีอาการท้องเสีย)
  • ทานอาหารรสชาติจืดเช่นขนมปังกับเกลือ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันเนื่องจากอาหารเหล่านี้ทำให้มีอาการท้องเสียแย่ลง

ถ้าเด็กมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบเเพทย์หรือโทรหาทีมแพทย์ฉุกเฉินทันที

  • อาเจียนต่อเนื่อง
  • มีอาการท้องเสียบ่อยเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหรือนานกว่า
  • ไม่สามารถหยุดถ่ายของเหลวได้
  • มีไข้ที่  40 องศา หรือสูงกว่า
[Total: 0 Average: 0]