การเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีการแช่แข็ง (Oocyte cryopreservation)

การเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีการแช่แข็ง (OOCYTE CRYOPRESERVATION) เป็นกระบวนการหรือ เทคโนโลยีที่ได้ยินกันบ่อยและเริ่มมีคนให้ความสนใจมากขึ้น แต่เดิมการเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีแช่แข็ง ทำในคนไข้ที่มีจำนวนไข่มากหลังการกระตุ้นไข่จากการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ แช่แข็งไข่ที่ได้รับการ บริจาค แต่เนื่องจากปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคในการแช่แข็งให้ดีขึ้น ทำให้อัตราความสำเร็จหลัง การละลายไข่จนสามารถปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนและตั้งครรภ์สูงขึ้นไม่ต่างจากการใช้ไข่ที่ไม่ได้ผ่านการแช่ แข็ง จึงได้มีการเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีแช่แข็งเพิ่มมากขึ้น

การเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีแช่แข็ง เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมที่จะมีบุตรในขณะนี้ ด้วยเหตุผลทางการแพทย์หรือเพื่ออนาคต เนื่องจากผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้นโอกาสของการตั้งครรภ์จะลดลง โอกาสแท้งและโอกาสตั้งครรภ์ทารก ที่มีโครโมโซมผิดปกติ เช่น โรค Down Syndrome เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการแช่แข็งไข่ ณ ช่วงอายุที่เหมาะสมจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยหยุดอายุไข่ไว้ ณ เวลาที่แช่แข็ง ช่วยเพิ่มโอกาสของการตั้งครรภ์ในอนาคต เมื่อมีความพร้อม

การแช่แข็งที่นิยมใช้มี 2 วิธี คือ

  1. Slow freezing เป็นการแช่แข็งไข่ที่ค่อยๆ ลดอุณหภูมิในเซลล์ลงอย่างช้าๆ 0.3 – 0.5°c/min. โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยในการแช่แข็ง
  2. Vitrifcation เป็นวิธีที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ เป็นการลดอุณหภูมิของเซลล์ลงอย่างรวดเร็ว 15,000 – 30,000°c/min. และใช้สาร CPAs ที่มีความเข้มข้นสูงกว่า เพื่อทำให้ของเหลวภายในเซลล์มีลักษณะเป็น glass- like stage และช่วยลดการเกิดผลึกน้ำแข็ง ซึ่งผลึกน้ำแข็งนี้เป็นตัวการส้ำคัญที่จะท้ำให้เซลล์ไข่เกิดความเสียหาย

ในปัจจุบันนิยมใช้วิธี Vitrifcation ในการแช่แข็งไข่มากกว่าวิธี Slow freezing เพราะสะดวกรวดเร็วกว่า อีกทั้งยังลดความเสียหายภายในเซลล์ที่เกิดจากผลึกน้ำแข็ง โดยมีอัตราการรอดชีวิตหลังการละลาย (Survival rate) มากกว่าวิธี Slow freezing และอัตราความสำเร็จ (Clinical Pregnancy Rate: CPR) ไม่ต่างกับไข่ในรอบเก็บสด (Fresh oocyte) (Argyle et al., 2016) แต่อย่างไรก็ตาม อัตราความสำเร็จหลังละลายนี้จะขึ้นอยู่กับอายุของไข่เป็นสำคัญ เพราะการแช่แข็งไข่ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี จะมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 48.6% ขณะที่ผู้หญิงมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อัตราความสำเร็จก็จะลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน และพบว่าที่อายุ 41-43 ปี อัตราความสำเร็จนี้จะเหลือเพียง 22.2% เท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควร การเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีการแช่แข็ง (Oocyte cryopreservation)

สามารถทำได้ทุกช่วงอายุ โดยพบว่าเมื่อทำการแช่แข็งไข่ เมื่ออายุน้อยกว่า 35 ปี จะทำให้ได้จำนวนไข่และคุณภาพสูง หากอายุมากขึ้นเท่าไร อัตราการความสำเร็จของการมีบุตรจากการแช่แข็งไข่ จะลดน้อยลง และอาจจำเป็นต้องได้จำนวนไข่มากขึ้น เนื่องจากคุณภาพที่ได้ก็จะลดลงด้วย

ใครที่ควรเก็บ การเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีการแช่แข็ง (Oocyte cryopreservation)

  1. ผู้หญิงอายุน้อยกว่า 35 ปี ที่ยังไม่พร้อมมีบุตร
  2. ผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดรังไข่ เนื่องจากมีซีสต์หรือเนื้องอก เช่น Chocolate cyst
  3. ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยาเคมีบำบัดหรือฉายแสงที่มีผลทำให้การทำงานของรังไข่ลดลง
  4. ผู้มีปัญหาด้านพันธุกรรม ชนิดที่ทำให้รังไข่เสื่อมการทำงานเร็ว เช่น Turner syndrome, Fragile X syndrome หรือ ผู้มีประวัติเสี่ยงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเร็ว

การเตรียมตัวและขั้นตอน การเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีการแช่แข็ง (Oocyte cryopreservation)

ขั้นตอนการเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ต้องการฝากแช่แข็งไข่ จะคล้ายการทำเด็กหลอดแก้วปกติ คือ ต้องทำการตรวจร่างกายโดยแพทย์เฉพาะทาง และมีการฉีดยากระตุ้นไข่ทุกวัน แล้วมีการตรวจติดตามการเจริญเติบโตของไข่เมื่อไข่ได้ขนาดตามที่ต้องการแล้วจะฉีดฮอร์โมน HCG เพื่อทำให้ไข่สุก หลังจากฉีดแล้ว 36 ชั่วโมงจะทำการเจาะและดูดไข่ออกมาผ่านทางช่องคลอด จากนั้นนักวิทยาศาสตร์เลี้ยงตัวอ่อนจะทำการคัดเลือกเฉพาะไข่สุก(Mature oocyte: MII) ที่มีคุณภาพดีและสมบูรณ์ไปแช่แข็ง

[Total: 0 Average: 0]