ริมฝีปากแตกหรือปากแตก (Cracked Mouth) คือภาวะของริมฝีปากแห้ง อาการปากแตกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่:
- สภาพอากาศ
- เลียริมฝีปากบ่อยเกินไป
- การใช้ยาบางชนิด
ปากแตกเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป ในบางกรณีอาจมีอาการรุนแรง ซึ่งจะเรียกว่า “ปากนกกระจอก” มีสาเหตุจากการติดเชื้อทำให้มีอาการผิวแตกแห้งที่มุมปาก
ปากแตกสามารถรักษาหรือป้องกันได้ง่าย แต่หากยังมีอาการที่ต่อเนื่องและรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำในการรักษาต่อไป
สาเหตุ ปากแตก
ริมฝีปากของเราไม่มีต่อมน้ำมันเหมือนผิวหนังส่วนอื่นๆ จึงมีโอกาสที่จะแห้งและแตกได้ง่าย การขาดความชุ่มชื้นของริมฝีปากจะทำให้อาการหนักยิ่งขึ้น ทั้งจากสภาพอากาศที่แห้ง หรือการขาดความเอาใจใส่ดูแลของเราเอง
ความชื้นที่ลดลงเพียงเล็กน้อยในช่วงฤดูหนาว เป็นสาเหตุของปากแตกได้ รวมทั้งการอยู่กลางแดดร้อนก็เป็นสาเหตุทำให้อาการปากแตกแย่ลงได้
สาเหตุที่พบบ่อยอีกอย่างหนึ่งคือนิสัยชอบเลียริมฝีปาก เมื่อน้ำลายที่เคลือบริมฝีปากแห้งจะทำให้ปากเราแตกยิ่งขึ้นในภายหลัง
อาการ ปากแตก
ปากแตกจะเกิดขึ้นบริเวณรอบๆ ริมฝีปาก โดยแสดงอาการดังต่อไปนี้ :
- ริมฝีปากแห้ง
- มีสะเก็ดหลุดลอก
- เป็นขุย หรือเป็นเกล็ด
- เจ็บ
- บวม
- มีรอยแตก
- มีเลือดออกที่ริมฝีปาก
การรักษา ปากแตก
โดยทั่วไป วิธีรักษาปากแตกสามารถดูแลรักษาได้หายได้เองที่บ้าน เบื้องต้นควรตรวจสอบและทำให้ริมฝีปากของเรามีความชุ่มชื้นเพียงพอ โดยวิธีการดังนี้:
- ทาลิปบาล์มตลอดวัน
- ดื่มน้ำมากๆ ใช้เครื่องทำความชื้นที่บ้าน (ในกรณีอยู่ในพื้นที่มีอากาศแห้ง)
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็น หากเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้ผ้าพันคอปิดบังบริเวณปากไว้ เพื่อป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก
แสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปากแตกได้ โดยเฉพาะในคนที่มีอายุมาก หากจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป ลิปบาล์มสามารถช่วยลดความชุ่มชื้นที่จะระเหยออกจากริมฝีปากได้ และครีมกันแดดยังช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวหนัง ซึ่งมีผลเกี่ยวเนื่องไปถึงริมฝีปากด้วย