เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Subarachnoid Hemorrhage) คือการมีเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มสมองซึ่งอยู่ระหว่างสมองและเนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มสมอง ช่องนี้มีน้ำไขสันหลังหล่อเลี้ยงอยู่ มีหน้าที่ป้องกันสมองเสมือนเป็นเบาะ เลือดออกที่บริเวณนี้อาจทำให้โคม่า อัมพาตและเสียชีวิตได้
ภาวะนี้เกิดได้อย่างรวดเร็วและมักเป็นผลจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ ต้องมีการรักษาอย่างรวดเร็ว หากพบผู้มีอาการของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง ควรเรียกรถพยาบาลด่วน
ภาวะที่ถึงแก่ชีวิตนี้เกิดได้ยาก พบได้ 6-12 คนต่อประชากร 100,000 คน
สาเหตุ เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง
เกิดได้เอง หรือเป็นผลจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ หากเกิดเองมักเกี่ยวกับเส้นเลือดในสมองโป่งพอง ซึ่งเป็นความผิดปกติของเส้นเลือดแดงในสมอง ที่พบบ่อยคือ berry aneurysm คือเส้นเลือดเป็นถุงอยู่เป็นกลุ่มก้อน คล้ายพวงของผลเบอร์รี่ มันจะโป่งและทำให้ผนังเส้นเลือดแดงอ่อนแอลงเรื่อยๆจนแตกออก
เมื่อเส้นเลือดโป่งพองแตก เลือดจะไหลอย่างรวดเร็วและแข็งตัวเป็นก้อน ภาวะนี้เกิดได้ในคนทุกวัย แต่พบบ่อยในคนวัย 40-65 ปี พบในมากเพศหญิง ผู้สูบบุหรี่ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง บางกรณีสมองที่ถูกกระทบกระเทือนทำให้เกิดเส้นเลือดโป่งพองและเลือดออกในสมองได้
สาเหตุอื่น เช่น
- เลือดออกจาก arteriovenous malformation (AVM)
- ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
- การใช้ยาละลายลิ่มเลือด
การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงเช่น ในอุบัติเหตุรถชน หรือผู้สูงอายุล้มศีรษะกระแทก ทำให้เกิดเลือดออกในสมองได้
อาการ เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง
อาการหลักคือ ปวดศีรษะรุนแรงและเกิดอย่างฉับพลัน ซึ่งจะปวดมากที่ท้ายทอย ผู้ป่วยมักจะบอกว่าเป็นความปวดที่สาหัส บางคนอาจรู้สึกเหมือนมีสิ่งใดแตกอยู่ในศีรษะก่อนที่จะเกิดอาการเลือดออก
และมักมีอาการ
- ปวดที่คอ
- ชาไปทั้งตัว
- ปวดหัวไหล่
- ชัก
- สับสน
- อยู่ไม่นิ่ง
- ตาแพ้แสง
- ตามัว
- เห็นภาพซ้อน
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- เซื่องซึมทันที
อาการมักเกิดรวดเร็ว และผู้ป่วยอาจหมดสติอย่างรวดเร็ว หากพบผู้มีอาการเหล่านี้ร่วมกับปวดศีรษะรุนแรง ควรเรียกรถพยาบาลทันที
การรักษา เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง
การรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยรักษาชีวิตและลดความเสียหายของสมองได้ การมีเลือดออกและความดันที่เพิ่มในสมอง ทำให้โคม่าและสมองเสียหายเพิ่มเติม ต้องลดความดันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้ยา หรือการเจาะระบายน้ำไขสันหลัง หลังจากนั้น ต้องหาสาเหตุและรักษา เลือดที่ออกจากเส้นเลือดที่แตกจะยังคงไหลอยู่ จึงต้องมีการผ่าตัดเพื่อหนีบหรือปิดส่วนที่เลือดออก เพื่อให้แน่ใจว่าเลือดหยุดและจะไม่ไหลอีก
หากต้องหนีบเส้นเลือด จะต้องผ่าตัดเจาะกระโหลกและปิดเส้นเลือดที่โป่งพอง
แพทย์อาจให้ยาเพื่อ
- ควบคุมความดันโลหิต ด้วยการให้ยาผ่านทางเส้นเลือดดำ
- ยา nimodipine เพื่อป้องกันเส้นเลือดหดตัว
- ลดการปวดศีรษะรุนแรงด้วยยาแก้ปวดและยาคลายเครียด
หากเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองทำให้โคม่า การรักษาต้องให้ใส่เครื่องช่วยหายใจ เพื่อให้หายใจได้ดีและใส่ท่อระบายจากสมองเพื่อลดความดันในสมอง
หากยังมีสติ ก็ยังต้องระวังภาวะโคม่าหลังการรักษา การนอนพักนิ่งๆบนเตียงจำเป็นมากสำหรับผู้ที่พักฟื้น แพทย์อาจห้ามยืดหรืองอตัว เพราะจะเพิ่มความดันในสมอง