โปรเจสเตอโรนในพลาสม่า (Plasma progesterone) เป็นสเตียรอยด์ฮอร์โมนของรังไข่ที่ผลิตจากคอร์ปัส ลูเทียม (corpus luteum) หรือฟอลลิเคิลในรังไข่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีช่องว่างและสะสมสารที่มีสีเหลือง หลังจากไข่ตกแล้ว ฮอร์โมนนี้จะช่วยให้มี การตั้งครรภ์อย่างสมบูรณ์แบบและรักษาครรภ์จนให้กำเนิดบุตรอย่างเรียบร้อย หรือเป็น ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้ผนังมดลูกคงอยู่ได้เพื่อเตรียมรับการฝังตัวของตัวอ่อน ระดับของโปรเจสเตอโรนจะสูงขึ้นระหว่างวงกลางของระยะลูเทียม (Midluteal phase) ของรอบประจำเดือน หากไม่มีการฝังตัวของตัวอ่อน ระดับโปรเจสเตอโรน และเอสโตรเจน
ระหว่างการตั้งครรภ์ รกจะหลั่งโปรเจสเตอโรนออกมาประมาณ 10 เท่าของปกติในแต่ละเดือน เพื่อให้มีการตั้งครรภ์คงไว้ โดยเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (First trimester) และจนกระทั่งคลอด โปรเจสเตอโรนป้องกันการแท้โดย ลดการบีบตัวของมดลูก ทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะช่วยเตรียมเต้านมสำหรับการให้นมลูก
การตรวจวิเคราะห์ปริมาณของระดับโปรเจสเตอโรนในพลาสม่าด้วย Radioimmunassay และหาข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่ของคอร์ปัสลูเทียมเพื่อศึกษาการเจริญพันธุ์และหน้าที่ของรกในระยะตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามโปรเจสเตอโรนสามารถตรวจวัดได้ในปัสสาวะ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อช่วยประเมินหน้าที่ของคอร์ปัสลูเทียมในการหาสาเหตุของการมีบุตรยาก
2.เพื่อประเมินหน้าที่ของรกระหว่างตั้งครรภ์
3.เพื่อช่วยประเมินการตกไข่ที่แน่นอนและช่วยสนับสนุนโดยการวัดอุณหภูมิของร่างกายประกอบกัน
ผลการตรวจที่เป็นปกติ
ระหว่างมีประจำเดือน
ค่าปกติของโปรเจสเตอโรน มีดังนี้
1) ขั้นการเตรียมถุงในรังไข่ (Follicular phase) < 150 ng / dl
2) ขั้นภายหลังการตกไข่ (Luteal phase) = 300-1,200 ng / dl
ระหว่างการตั้งครรภ์
ค่าปกติของโปรเจสเตอโรน มีดังนี้
ไตรมาสที่ 1 = 1,500-5,000 ng / dl
ไตรมาสที่ 2 และ 3 = 8,00020,000 ng / dl
สตรีวัยหมดประจำเดือน = 10-22 ng / dl
ผลการตรวจที่ผิดปกติ
ค่าโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น อางบ่งชี้ถึงการตกไข่ (Ovulation) โรคถุงน้ำในรังไข่ (Ovarian) ที่ผลิตโปรเจสเตอโรน หรือกลุ่มอาการผิดปกติที่เกิดจากต่อมหมวกไต และเนื้องอกต่อมหมวกไตที่ผลิตโปรเจสเตอโรนพร้อมกับฮอร์โมนสเตียรอยด์ตัวอื่น
ค่าโปรเจสเตอโรนต่ำร่วมกับประจำเดือนขาด เนื่องจากสาเหตุหลายอย่าง เช่น ภาวะขาดฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior pituitary) มากกว่า 80 % (Panhypopituitarism) ต่อมเพศไม่ทำงาน (Gonadal dysfunction) ภาวะที่มีการชัก (Eclampsia) การแท้คุกคาม (Threatened abortion) ทารกในครรภ์เสียชีวิต (Fetal death) เป็นต้น