ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน: แพทย์ชี้ภูมิคุ้มกันผิดปกติเสี่ยงโรค

ปวดหลัง

สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ เตือนโรคไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคที่มีอาการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นประสาทในไขสันหลัง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติเข้าทำลายไขสันหลัง หรืออาจเกิดภายหลังการติดเชื้อ

          นพ.เมธา อภิวัฒนากุล นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สาขาประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า ปัจจัยของการเกิดโรคไขสันหลังอักเสบเกิดจากภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อตัวเอง อาจมีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรค ร่วมกับปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมที่มากระตุ้น เช่น การติดเชื้อไวรัส

สำหรับการวินิจฉัยโรคเพื่อหาสาเหตุของไขสันหลังอักเสบ คือ

  1. การส่งตรวจ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อดูตำแหน่งรอยโรค และเพื่อหาสาเหตุอื่นๆ ที่อาจแสดงอาการคล้ายคลึงกัน เช่น การมีก้อนมากดทับไขสันหลัง
  2. การตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อดูการ อักเสบ และส่งตรวจเพื่อหาเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไขสันหลังอักเสบ
  3. การตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ ซึ่งจะบอกสาเหตุที่แน่ชัดและช่วยวางแผนการรักษาในระยะยาว

          ทั้งนี้ การรักษาถ้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสต้องให้ยาต้านไวรัส แต่หากเกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติในระยะเฉียบพลัน จำเป็นต้องได้รับยาสเตียรอยด์ขนาดสูงทางหลอดเลือดดำ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายพลาสมา สำหรับการรักษาในระยะยาวขึ้นอยู่กับผลของการตรวจเลือด ถ้าพบว่ามีการกำเริบของโรคจะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เป็นเวลาอย่างน้อย 3-5 ปี ส่วนในกรณีที่เป็นโรคไขสันหลังอักเสบแต่ไม่พบการกำเริบของโรค ผู้ป่วยจะได้รับยากดภูมิคุ้มกันเพียงระยะสั้น 6 เดือน เนื่องจากยากดภูมิคุ้มกันมีผลข้างเคียง เช่น การติดเชื้อ เบาหวาน ไขมันสูง กระดูกพรุน เป็นต้น

          นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคไขสันหลังอักเสบ คือ โรคที่มีอาการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นประสาทในไขสันหลัง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือเกิดจากภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติเข้าทำลายไขสันหลัง หรืออาจเกิดภายหลังการติดเชื้อ อาทิ โรคติดเชื้อไวรัส โรคทางภูมิคุ้มกันต้านทานโรคผิดปกติ เช่น โรคเอสแอลอี โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง การได้รับวัคซีน เช่น วัคซีนโรคหัด โรคคางทูม โรคไขสันหลังอักเสบส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาการแสดงของโรคดังกล่าว ผู้ป่วยจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง ชา หรือมีอาการผิดปกติของระบบขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ โดยบางรายจะมีอาการแสบร้อน หรือมีอาการคล้ายมีอะไรมารัดตามตัว มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อคล้ายเป็นตะคริว

          ทั้งนี้ การป้องกันภาวะปลอกหุ้มเส้นประสาทไขสันหลังอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสนั้น ไม่สามารถป้องกันได้โดยตรง อาจป้องกันโดยการรักษาสุขอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส โดยผู้ป่วยจะต้องมีการดูแลตนเองที่ดีเมื่อเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ คือ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำกายภาพบำบัด ฝึกการขับถ่ายตามแพทย์แนะนำ ดูแลอย่าให้ท้องผูก ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ทานยาให้ครบถ้วน ไม่ขาดยา และควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการแขนขาอ่อนแรงมากขึ้น.

[Total: 22 Average: 4.8]

Leave a Reply

Discover more from HEALTH ME NOW

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading