การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดระยะแรก สามารถทำได้ด้วยการตรวจเอกเซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low-Dose Computed Tomography Scan: LDCT) ซึ่งเป็นการตรวจที่ใช้ปริมาณรังสีน้อย และใช้วิธีการถ่ายภาพสามมิติที่ให้ความละเอียดมากกว่าการตรวจเอกซเรย์แบบธรรมดา ซึ่งจะช่วยตรวจหาภาวะความผิดปกติของโรคมะเร็งปอดระยะแรกได้ดีกว่า และยังบ่งบอกถึงสมรรถภาพปอดเมื่อเทียบกับคนปกติได้ โดยการทำ Spirometry หรือ Lung Function Test ซึ่งจะช่วยในการตรวจหาโรคปอดอื่นๆ เช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง ได้เป็นอย่างดี โดยคนไข้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่เป็นประจำทุกวันและบ่อยครั้ง
หรือแม้กระทั่งคนไข้ที่มีสมาชิกภายในครอบครัวมีประวัติเคยเป็นโรคมะเร็งปอด รวมทั้งคนทำงานที่ได้รับสารกัมมันตภาพรังสีควันบุหรี่ ฝุ่นละออง ไอระเหยต่างๆ หรือสูดดมสารพิษจากสิ่งแวดล้อมเข้าไปสะสมในปอดไว้เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุปัจจัยเหล่านี้ล้วนจะนำไปสู่การเป็นโรคหอบหืด โรคปอด โรคถุงลมโป่งพอง จนกระทั่งอาจจะเป็นมะเร็งปอดได้ในที่สุด
สำหรับใครที่มีความเสี่ยงดังที่กล่าวมานั้น แพทย์มักจะแนะนำว่าควรได้รับการตรวจปอดด้วยเทคโนโลยี CT Low Dose โปรแกรมตรวจค้นหามะเร็งปอดระยะแรกที่มีความละเอียด รวดเร็ว ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง ไม่ต้องงดอาหารและน้ำ รวมทั้งตรวจเพิ่มเติมเพื่อวินิจฉัยสมรรถภาพการทำงานของปอดโดย Spirometry ควบคู่กันไป ซึ่งจะได้ผลที่ชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการตรวจหามะเร็งปอดด้วย Low-dose CT Scan
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดระยะเริ่มแรกด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในคนที่มีสุขภาพปกติ โดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการของโรคมะเร็ง จะตรวจพบความผิดปกติ เช่น ก้อนเนื้องอกในปอดซึ่งอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปอดระยะเริ่มแรกและสามารถรักษาได้ทันเวลา เพราะเมื่อมีอาการหรือพบความผิดปกติจากการเอกซเรย์ปอด อาจช้าเกินที่จะทำการรักษา
- เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ปริมาณรังสีที่ได้รับจะต่ำ เท่ากับการตรวจเอกซเรย์เต้านมการตรวจมีความเสี่ยงน้อย ใช้รังสีปริมาณต่ำ ค่าปริมาณรังสีที่ได้น้อยกว่า 1.5 millisieverts (mSv) น้อยกว่าการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) แบบปกติ มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งที่เกิดจากรังสีในการตรวจนี้ต่ำมาก
- ผลการตรวจมีโอกาสประมาณ 25% ที่จะตรวจพบก้อนเนื้องอกในการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง ก้อนเนื้องอกที่พบส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและไม่เป็นอันตราย แต่อาจต้องใช้การเฝ้าระวังหรือการตรวจเพิ่มเติม
- การตรวจพบก้อนเนื้องอก อาจต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจชิ้นเนื้อหรือการผ่าตัดเพื่อประเมินผลต่อไป การตรวจคัดกรองอาจนำไปสู่การตรวจหาโรคที่ไม่เกี่ยวข้องอื่นๆ การตรวจหาความผิดปกติเหล่านี้เป็นประโยชน์ แต่อาจนำไปสู่การตรวจรักษาและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ปัจจัยเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาก่อนตัดสินใจว่าจะทำการตรวจคัดกรอง
- การตรวจคัดกรองนี้จะแสดงให้เห็นว่ามีก้อนเนื้องอกในปอด แต่เพียงอย่างเดียวไม่สามารถระบุได้ว่าก้อนเนื้อนั้นเป็นมะเร็งหรือไม่ อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อติดตามและคอยระวังต่อไป
แนะนำให้ตรวจในผู้ที่มีความเสี่ยงดังต่อไปนี้
- อายุ 55-74 ปี
- สูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง หรือหยุดสูบบุหรี่น้อยกว่า 15 ปี หรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับคนสูบบุหรี่
- มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด จะมีความเสี่ยงสูงแม้ไม่ได้สูบบุหรี่
- ได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม การได้รับควันบุหรี่ สารกัมมันตรังสี ฝุ่นไอระเหยจากโลหะต่าง ๆ
เตรียมตัวอย่างไร? เมื่อต้องไปตรวจ มะเร็งปอด
1. ไม่มีการเตรียมตัวพิเศษ ไม่จำเป็นงดน้ำงดอาการ หรือมีการฉีดสารทึบรังสี
2. สามารถรับประทานยาตามปกติตามที่แพทย์สั่ง และแจ้งให้เราทราบว่าคุณได้รับยาอะไรบ้างก่อนการตรวจ
3. กรุณามาติดต่อที่แผนกเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ก่อนกำหนดการตรวจ 15 นาที เพื่อเตรียมตัวก่อนการตรวจ
4. ควรเปลี่ยนเป็นชุดของโรงพยาบาล และถอดเครื่องประดับต่างๆ ออกจากร่างกาย
5. ถ้ามีประวัติการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในส่วนของปอดที่เคยตรวจมาจากโรงพยาบาลอื่น กรุณาแจ้งแพทย์ให้ทราบ
6. ระยะเวลาในการตรวจใช้เวลาประมาณ 10 นาที แต่การสแกนบนเครื่องจริงๆ ใช้เวลาประมาณ 2 นาที
จากข้อมูลเชิงสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ตั้งแต่อดีตถึงปี 2018 พบว่า มะเร็งที่มีอัตราคร่าชีวิตผู้ป่วยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มของโรคมะเร็งทั้งหมด สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะ มะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการของโรคให้เห็น รู้ตัวอีกทีก็ลุกลามจนเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว ทำให้มะเร็งปอดมีอัตราการเสียชีวิต สูงถึง 8,000 ราย/ปี คิดเป็น 40% ของผู้ป่วยทั้งหมด
ไม่เพียงแค่นั้น! สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อสถิติในปี 2018 ได้เปิดเผยว่า ในจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด มีจำนวนสูงถึง 10% ที่ ไม่ได้สูบบุหรี่ จะดีกว่าไหม? ถ้าวันนี้เราได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว สาเหตุของมะเร็งปอด เกิดจากอะไร?