กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง/พีซีโอเอส

กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง ประกอบ ด้วยภาวะไม่มีไข่ตก (anovulation) ซึ่งทำให้ประจำเดือนขาดหรือไม่สม่ำเสมอ มีบุตรยาก ภาวะฮอร์โมนเพศชายในเลือดสูง (hyperandrogenemia) ซึ่งทำให้มีขนดกหนวดขึ้น สิวขึ้น หน้ามัน และภาวะรังไข่มีลักษณะเป็นถุงน้ำ  (cyst) ขนาด 2-6 มม.จำนวนมากทั้ง 2 ข้าง 

                พบได้ประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้หญิงโดยทั่วไป ผู้หญิงที่เป็นสิวพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 40 ผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่ปกติพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 50-90 และผู้หญิงที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่ามีประวัติเป็น โรคนี้ค่อนข้างมาก(ทางประเทศตะวันตกมีรายงานว่า พบได้ประมาณร้อยละ 80) ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมี อาการตั้งแต่วัยรุ่น และอาการจะเป็นมากขึ้นตามอายุ   

สาเหตุ กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง

                ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน พบว่าผู้ป่วยจะมีการหลั่ง ฮอร์โมนแอลเอช(luteining hormone/LH) มากเกินและมีภาวะดื้ออินซูลิน  (insulin resistance) ร่วมกับภาวะอินซูลินในเลือดสูง ส่งผลให้รังไข่สร้างฮอร์โมนต่าง ๆอย่างไม่ได้สมดุล เกิดภาวะฮอร์โมนเพศชายสูง และไม่มีการตกไข่ ความผิดปกติเหล่านี้ทำให้เกิดอาการ แสดงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

อาการ กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง

                ผู้ป่วยส่วนใหญ่(ประมาณร้อยละ 80-90) จะมีอาการหน้ามัน เป็นสิว ขนดก หนวดขึ้นผิดปกติ   
                ประมาณร้อยละ 60-70 มีประจำเดือนผิดปกติ คือ ประจำเดือนขาด หรือประจำเดือนมาห่าง (เว้นห่างมากกว่า 35 วัน หรือประจำเดือนน้อยกว่า 8 ครั้ง/ปี) บางรายมีเลือดออกผิดปกติหรือดียูบี

การป้องกัน กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง

  1. ผู้หญิงวัยรุ่นหรือวัยสูงอายุที่เป็นสิวซึ่งรักษายาก หรือมีอาการหน้ามัน ขนดก หนวดขึ้น ประจำเดือนไม่มาหรือมาห่าง หรือมีบุตรยาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหากลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง                
  2. โรคนี้ส่วนใหญ่สามารถรักษาให้ร่างกายกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ช่วยให้มีบุตรได้และป้องกันภาวะแทรกซ้อน (เช่น เบาหวาน มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก) ได้ 

การรักษา กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง

                หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะทำการตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนเพศชายและหญิง และฮอร์โมนอื่น ๆ เพื่อแยกแยะจากสาเหตุอื่น รวมทั้งตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (โดยการทดสอบความทนต่อกลูโคสหรือ 75 g OGTT) และไขมันในเลือด ตรวจอัลตราซาวนด์ ตรวจชิ้นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก

                แพทย์จะวินิจฉัยโรคนี้จากการตรวจพบอย่างน้อย 2 ข้อ ของลักษณะ 3 ข้อต่อไปนี้

  • ประจำเดือนผิดปกติ เช่น ประจำเดือนไม่มามาห่าง หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอย (ดียูบี)
  • มีอาการของฮอร์โมนเพศชายสูง (หน้ามัน เป็นสิว ขนดก หนวดขึ้น) และ/หรือตรวจพบฮอร์โมนเพศชายชนิดใดชนิดหนึ่งสูง
  • ตรวจอัลตราซาวนด์พบรังไข่เป็นถุงน้ำหลายถุง            

                การรักษา แพทย์จะให้การดูแลรักษาตามแนวทาง ดังนี้

               1.ในรายที่มีประจำเดือนผิดปกติ ให้ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (เช่น norethisterone หรือ medroxy progesterone) กิน 5-10 มก./วัน เป็นเวลา 10 วัน/เดือนทุกเดือน หรือยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดผสม (มีชื่อทางการค้า เช่น Diane-35,Yasmin)

               2.ในรายที่เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวให้ norethi sterone หรือ medroxyprogesterone 10 มก./วัน นาน 14 วัน/เดือน เป็นเวลา 6 เดือน
    
               3.ในรายที่มีภาวะมีบุตรยาก และต้องการมีบุตรให้ยากระตุ้นรังไข่ ได้แก่ โคลมิฟีนซิเทรต (clomiphene citrate) 50-100 มก./วัน นาน 5 วัน ถ้าไม่ได้ผลให้เมตฟอร์มิน (metformin) 1,500-1,700 มก./วัน (ให้เดี่ยว ๆ หรือให้ร่วมกับโคลมิฟีนซิเทรต) 

บางรายแพทย์อาจใช้ยาฉีด follicle-stimula toing hormone (FHS) หรือทำการจี้รังไข่ด้วยไฟฟ้าโดย วิธีส่องกล้องเข้าช่องท้อง  (laparoscopi ovarian drilling) ทำให้เกิดความร้อนทำลายเนื้อเยื่อรังไข่บางส่วน เพื่อลดปริมาณฮอร์โมนเพศชายช่วยให้มีการตกไข่ วิธีนี้ถ้าใช้ร่วมกับการให้ยาโคลมิฟีวิเทรต จะช่วยให้ได้ผลมากขึ้น

               4.ให้การรักษาภาวะอื่นๆ ที่พบร่วม เช่นเบาหวาน น้ำหนักเกิน กลุ่มอาการเมตาบอลิก

[Total: 0 Average: 0]