มะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ มะเร็งที่พบได้ เป็นอันดับที่ 3 ของมะเร็งในผู้ชาย และอันดับที่ 5 ของมะเร็งในผู้หญิง พบมากในช่วงอายุมากกว่า 50 ปี
ยังไม่ทราบชัดเจน พบว่ามีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง ต่อมาเมื่อมะเร็งลุกลามมากขึ้นก็จะมีอาการผิดปกติต่างๆ ขึ้นกับตำแหน่ง และขนาดของมะเร็ง เช่น มีอาการท้องผูกสลับท้องเดินแบบเรื้อรัง ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเรื้อรัง หรือ ถ่ายเป็นเลือดสด (ทำให้คิดว่าเป็นเพียงริดสีดวงทวาร) อุจจาระมีขนาดเล็กกว่าแท่งดินสอ มีอาการปวดท้อง หรือมีลมในท้องเรื้อรัง มีอาการปวดเบ่งที่ทวารหนัก คล้ายปวดถ่ายอยู่ตลอดเวลา หรืออาจคลำได้ก้อนในท้องบริเวณด้านขวาตอนล่าง บางรายอาจมีอาการของลำไส้อุดกั้น คือปวดบิดในท้อง ท้องผูก ไม่ผายลมซึ่งจะเป็นอยู่เพียงชั่วครู่ แล้วทุเลาไปได้เอง และกลับ กำเริบใหม่เป็นครั้งคราว บางรายอาจมีอาการซีดอ่อน เพลียน้ำหนักลด
อาจลดความเสี่ยงของการเป็นโรคนี้ โดย
หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล แพทย์จะวินิจฉัย โดยการตรวจพบเลือดในอุจาระ หรือใช้นิ้วตรวจทางทวารหนักพบก้อนมะเร็งที่ทวารหนัก (ไส้ตรง) ในผู้ป่วย บางราย เมื่อสงสัยเป็นมะเร็ง แพทย์จะทำการตรวจเพิ่ม เติม เช่น เอกซเรย์ลำไส้ใหญ่โดยการสวนแป้งแบเรียม (barium enema) การใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ และ ตัดชิ้นเนื้อพิสูจน์ การตรวจหาระดับสารซีอีเอ (carcinoembryonic antigen/CEA) ซึ่งมีส่วนช่วยในการวินิจฉัย และให้การรักษาด้วยการผ่าตัด ร่วมกับรังสีบำบัดและ/ หรือเคมีบำบัด บางรายอาจต้องผ่าตัดเปิดรูถ่ายอุจจาระ ที่หน้าท้อง (colostomy)
ผลการรักษา ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม การรักษาด้วยการผ่าตัดสามารถทำให้หายขาดได้ในรายที่มีการลุกลามทะลุผนังลำไส้และต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง การผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัดและ/หรือรังสีบำบัด ก็สามารถช่วยให้มีชีวิตยืนยาวได้นานหลายปี แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายไปไกล การรักษาก็มักจะได้ผลไม่สู่ดี อาจอยู่ได้ประมาณ 6 -12 เดือน