หูชั้นนอกอักเสบ

หูชั้นนอกอักเสบเป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย แต่จะพบมากในวัยหนุ่มสาว อาจพบเป็นรุนแรงในผู้ป่วยเบาหวานหรือโรคเอดส์

สาเหตุ หูชั้นนอกอักเสบ

เกิดจากการติดเชื้อสแตฟีโลค็อกคัส อาจเป็นฝีเฉพาะที่หรือมีการอักเสบทั่วไปของผิวหนังที่อยู่ในรูหูมักจะพบหลังเล่นน้ำหรือแคะหู (เนื่องจากคันในรูหู หรือ แคะขี้หู)

อาการ หูชั้นนอกอักเสบ

มีอาการปวดในรูหู อาจมีน้ำเหลืองหรือหนองไหลบางรายอาจมีอาการหูอื้อ หรือมีไข้ร่วมด้วย

สิ่งตรวจพบ

ลักษณะอาการที่สำคัญ คือ เวลาดึงใบหูแรง ๆ จะทำให้เจ็บในรูหูมากขึ้น (ผู้ป่วยที่เป็นหูชั้นกลางอักเสบจะตรวจไม่พบอาการเช่นนี้)

เมื่อใช้เครื่องส่งหู( otoscope )จะเห็นลักษณะการอักเสบหรือฝีอยู่ในช่องหู ส่วนเยื่อแก้วหูมักจะเป็นปกติ และไม่มีรูทะลุ

บางรายอาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตที่หน้าหู หลังหูหรือบริเวณคอ

การป้องกัน หูชั้นนอกอักเสบ

  1. ระหว่างที่มีอาการ ระวังอย่าให้น้ำเข้าหู เช่น อย่าเล่นน้ำในสระหรือแม่น้ำลำคลอง ควรใช้สำลีอุดรูหูเวลาอาบน้ำ 
  2. โรคนี้มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงส่วนมากสามารถรักษาให้หายได้ภายใน 5 – 7 วัน แต่บางรายอาจกำเริบได้ใหม่ ถ้าให้การรักษาแล้วมีอาการเป็นๆ หาย ๆ ควรส่งไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล
  3. ถ้าพบว่าหูชั้นนอกอักเสบรุนแรง (ปวดหูมาก หนองไหลมีกลิ่นเหม็น หูตึง อาจมีอาการปากเบี้ยว)ควรตรวจเลือดว่าเป็นเบาหวาน หรือโรคเอดส์หรือไม่

การรักษา หูชั้นนอกอักเสบ

ให้ยาแก้ปวดลดไข้และยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาชิลลิน หรืออีริโทรไมซิน

นอกจากนี้ อาจให้ยาหยอดหูที่เข้ายาปฏิชีวนะ ร่วมด้วย (ถ้าปวดมากอาจใช่ยาหยอดหูที่เข้ายาปฏิชีวนะร่วมกับยาสตีรอยด์) หยอดหูวันละ 3 - 4  ครั้ง ครั้งละมากกว่า 5 หยอด ถ้ามีหนองไหล ควรใช้ไม้พันสำลีเช็ดหนองออกก่อนหยอดยา

ถ้าดีขึ้นให้ยาปฏิชีวนะสัก 5 – 7 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นหรือเป็นบ่อย หรือพบว่าเป็นรุนแรงในผู้ป่วยเบาหวานหรือโรคเอดส์ ควรส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุ และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

[Total: 0 Average: 0]