การรักษาคอพอก

การรักษาคอพอก

                เนื่องจากอาการคอพอก (ต่อมไทรรอยด์โต) อาจมีสาเหตุได้หลายประการจึงควรซักประวัติและตรวจร่างกายให้ละเอียด และควรปรึกษาแพทย์ถ้าพบลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

  • น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย ชีพจรเต้นเร็ว
  • น้ำหนักขึ้น อ่อนเพลีย หนังตาบวม ขี้หนาว
  • มีลักษณะก้อนเดียว แข็ง  ติดแน่นกับเนื้อเยื่อโดยรอบ ก้อนโตเร็ว ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอโต มีประวัติ เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณศีรษะและคอมาก่อน มีประวัติมะเร็งไทรอยด์ในครอบครัว  หรือมีประวัติเป็นมะเร็งส่วนอื่น ๆ อยู่ก่อน
  • ก้อนโตมาก มีอาการเสียงแหบ กลืนบาก หรือหายใจลำบาก
  • ก้อนไทรอยด์มีอาการเจ็บปวด หรือมีไข้ร่วมด้วย
  • ลองให้การรักษาแบบคอพอกประจำถิ่น(สำหรับผู้ที่อยู่ในถิ่นที่มีคอพอกประจำถิ่น) หรือคอพอกสรีระ (สำหรับผู้ที่เป็นคอพอกในระยะวัยรุ่น หรือตั้งครรภ์) แล้วไม่ดีขึ้น

                   แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจ เลือดทดสอบการทำงานของไทรอยด์ (thyroid  function test) ได้แก่ ฮอร์โมนไทร็อกซีน และฮอร์โมนกระตุ้น ต่อมไทรอยด์ (TSH) ตรวจเลือดหาระดับสารภูมิต้าน ทานต่อไทรอยด์ (thyroid scan) อัลตราซาวนด์ต่อมไทรอยด์  ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเอกซเรย์ คอมพิวเตอร์ ใช้เข็มเจาะ (aspiration) ตรวจเซลล์มะ เร็ง ตรวจชิ้นเนื้อ (fime needle aspiration biopsy) เป็นต้น

การรักษา  สำหรับคอพอกธรรมดา (ระดับฮอร์โมน ไทรอยด์ปกติ) แพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุ ดังนี้

                   คอพอกประจำถิ่น (ตรวจพบระดับไอโอดีนใน ปัสสาวะต่ำ) ให้กินเกลือไอโอดีน หรือชนิดน้ำ เช่น Lugol’ssolution)        
เป็นประจำ

                   โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรได้รับการรักษาอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันมิให้ลูกที่เกิดมากลายเป็นเด็กเครตินหรือโรคเอ๋อ

                    ถ้าคอโตมาก ๆ หรือมีอาการหายใจหรือกลืน ลำบาก อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

                    คอพอกที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ซึ่งพบในสาววัยรุ่นและหญิงตั้งครรภ์ โดยทั่วไปคอ จะโตไม่มาก หรือแทบสังเกตไม่เห็น ก็ไม่ต้องให้การรักษาแต่อย่างใด จะยุบหายได้เอง เมื่อพ้นระยะวัยรุ่น หรือหลังคลอด

                    แต่ถ้าคอโตมาก แพทย์จะให้ฮอร์โมนไทรอยด์ ได้แก่ เลโวไทร็อกซีน (levothyroxine) มีชื่อทางการค้า เช่น เอลทร็อกซีน (Eltroxin) กินวันละครั้ง ครั้งละ 1-2 เม็ด ซึ่งอาจต้องกินนานเป็นปี ๆ ช่วยให้คอยุบได้

                     แต่ถ้าคอโตมาก ๆ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

                     ในรายสงสัยว่าเกิดจากยา ควรหยุดยาที่กิน หรือเปลี่ยนไปใช้ยาอื่นแทนก็จะให้คอยุบหายไปได้เอง

                      ปุ่มไทรอยด์ ถ้าเป็นหลายปุ่มที่ไม่มีภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน  หรือปุ่มเดี่ยว แพทย์จะทำการตรวจชิ้นเนื้อ (fine needle  aspiration biopsy) ถ้าไม่พบว่าเป็นมะเร็ง ก็จะลองติดตามทุก 1-2 เดือน ถ้าก้อนไม่ยุบจะ ทำการตรวจชิ้นเนื้อซ้ำทุก 2 เดือนอย่างน้อย 3 ครั้ง

                      ถ้าก้อนไม่ยุบ  แพทย์จะให้ฮอร์โมนไทรรอยด์ ได้แก่ เลโวไทร็อกซีน (levothyroxine) มีชื่อทางการค้า เช่น เอลทร็อกซิน    
(Eltroxin) วันละ 1-2 เม็ด นาน 6 เดือน ถ้าก้อนยุบลงให้ยานานต่อไปประมาณ 2 ปี ถ้าก้อนไม่ยุบก็จะหยุดยา และอาจต้องทำการผ่าตัดถ้าก้อนโตมาก หรือมีอาการเสียงแหบ กลืนลำบากหรือหายใจลำบาก

                      ยานี้ต้องระวังอย่าใช้เกินขนาด อาจทำให้มีอาการใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะเจ็บแน่นหน้าอก อาเจียนท้องเดิน นอนไม่หลับ มือสั่น  นำหนักลดได้

                      ถุงน้ำไทรอยด์  แพทย์จะใช้เข็มเจาะดูดน้ำ และนำไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง ส่วนน้อยที่อาจพบว่าเป็นมะเร็งก็ให้การรักษาแบบมะเร็งไทรอยด์ ส่วน ใหญ่จะเป็นถุงน้ำชนิดไม่ร้าย ถ้าก้อนมีขนาดเล็กก็ไม่ ต้องทำอะไร ถ้าก้อนขนาดใหญ่จะทำการเจาะดูดน้ำออก แล้วติดตามผลทุก 2-4 สัปดาห์ ถ้าก้อนไม่ยุบอาจเจาะน้ำหลายครั้ง ถ้าไม่ยุบหรือโตขึ้นก็อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

                      ต่อมไทรอยด์อักเสบเรื้อรังจากภูมิต้านตนเอง ในระยะที่มีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเกณฑ์ปกติ ควรติดตามตรวจเลือดเป็นระยะ ถ้าหากพบว่ามีภาวะขาดไทรอยด์ตามมาควรให้ฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน 

[Total: 0 Average: 0]