วัณโรคหลังโพรงจมูก

วัณโรคหลังโพรงจมูกจัดเป็นวัณโรคนอกปอด ซึ่งพบได้น้อย (ช่วงปี 2530-2535 พบผู้ป่วย 15 ราย จากผู้ป่วยวัณโรคของโรงพยาบาลศิริราชช่วงนั้นทั้งหมดประมาณ 12,000 ราย) เกิดจากการติดเชื้อวัณโรคที่ปอดแล้วกระจายมาที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอหอย หรือเกิดจากการติดเชื้อวัณโรคบริเวณคอหอยโดยตรง ผู้ป่วยมักมาด้วยก้อนที่คอจากต่อมน้ำเหลืองโต ส่วนน้อยจะมีอาการจากการกดเบียดบริเวณโพรงหลังจมูก ซึ่งอาการที่ว่านี้จะแยกไม่ออกจากมะเร็งคอหอยที่พบได้บ่อยในคนไทย ส่วนอาการอื่นของวัณโรคและวัณโรคปอดพบร่วมได้ราวหนึ่งในสาม การวินิจฉัยได้จากการส่องกล้องตรวจบริเวณหลังโพรงจมูก และตัดชิ้นเนื้อตรวจทางจุลชีววิทยาโดยย้อมและเพาะเชื้อวัณโรค หรือตรวจหาลักษณะของวัณโรคตรวจทางพยาธิวิทยา ปัจจุบันการใช้เทคนิคทางอณูชีววิทยาช่วยให้วินิจฉัยได้มากขึ้น

อาการ วัณโรคหลังโพรงจมูก

จากรายงานทางการแพทย์ทั่วโลกพบว่า ผู้ป่วย 1 ใน 3 อาจไม่มีอาการใดๆ และประมาณร้อยละ 70 มีต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีก้อนบริเวณหลังโพรงจมูก ไม่เหมือนกับโรควัณโรคปอดทั่วไปที่จะมีอาการไอเรื้อรังติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ ไอมีเลือดออก เจ็บหน้าอก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือมีไข้ด้วย อย่างไรก็ตาม ควรพบแพทย์เฉพาะทางหู คอจมูก เพื่อทำการตรวจโดยละเอียด

ในบางรายงานวิจัยระบุว่า คนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีเป็นปกติ ก็สามารถป่วยเป็นวัณโรคหลังโพรงจมูกได้ จึงทำให้อาจกล่าวได้ว่า “เราทุกคนส่วนมีความเสี่ยง” ที่จะเป็นวัณโรคหลังโพรงจมูกได้เหมือนกัน แต่จะมีโอกาสเป็นได้มากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลร่างกายตัวเองให้แข็งแรง ดูแลตัวเองให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง ซึ่งแน่นอนว่า คนที่มีความเสี่ยงมากกว่า คือคนที่ป่วย มีปัญหาในเรื่องระบบทางเดินหายใจ สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยวัณโรคปอดมีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นวัณโรคหลังโพรงจมูกร่วมด้วย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยวัณโรคหลังโพรงจมูกจะไม่ได้แสดงอาการไอให้เห็นเด่นชัดมากนักเหมือนกับผู้ป่วยวัณโรคปอด แต่ก็สามารถไอหนัก ไอเป็นเลือดได้ หากเป็นวัณโรคที่ปอดร่วมด้วย ซึ่งเพราะเหตุที่วัณโรคหลังโพรงจมูกไม่มีอาการแสดงที่แน่ชัดให้สังเกตเห็น จึงทำให้กลายเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว โดยจะตรวจพบได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยเข้ามารับการตรวจส่องกล้องเท่านั้น ซึ่งเมื่อส่องกล้องแล้วก็อาจพบก้อนหลังโพรงจมูกที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป เช่น อาจเป็นก้อนใหญ่แบบเห็นได้ชัด วินิจฉัยได้ชัดเจน หรืออาจพบเป็นเพียงแค่รอยนูนเล็กๆ ก็ได้ หรือในบางรายอาจไม่พบก้อน ไม่พบความผิดปกติใดๆ เลย จึงทำให้ไม่สามารถฟันธงได้ว่าป่วยเป็นอะไร และกลายเป็นภัยเงียบคุกคามจนเป็นอันตรายร้ายแรงในที่สุด

การรักษา วัณโรคหลังโพรงจมูก

การวินิจฉัยวัณโรคหลังโพรงจมูกนั้น ทำได้ด้วยการซักประวัติ สอบถามอาการ ร่วมกับการส่องกล้อง แล้วตัดชิ้นเนื้อไปตรวจด้วยการย้อมเพาะเชื้อ เพื่อหาคำตอบว่ามีเชื้อวัณโรคหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด เนื่องจากอาจตรวจไม่พบ ทำให้โรคลุกลามรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบว่าเป็นวัณโรคจริง ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยา โดยระยะเวลาในการรักษานั้นจะเร็วหรือช้าแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการรับประทานยาสม่ำเสมอ และการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งโดยปกติแล้วอย่างน้อยจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน และรับประทานยาตามแพทย์สั่งไม่ขาด ผู้ป่วยก็จะหายขาดจากวัณโรคได้


[Total: 2 Average: 5]